นี่เป็นครั้งแรกที่หรงเยี่ยรู้สึกว่าคำอธิบายนั้นอ่อนแอและไร้พลังเป็นอย่างมาก เขาวางมือของเขาลงบนศีรษะของนาง โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน เกลี้ยกล่อมนางด้วยเสียงอันนุ่มนวล “ข้ามาที่นี่เพื่อรับเจ้าและท่านแม่ของเจ้ากลับไปยังเมืองหลวง แต่ก่อนที่จะไปจากที่นี่ ข้าตัดสินใจจะแต่งงานกับท่านแม่ของเจ้าที่เมืองเยี่ยนหนานก่อน”
“จริงหรือ?” หรงจิ่งหลินวิ่งเข้ามาด้านข้างของหรงเยี่ยและพูดออกมาด้วยใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
และไป๋ชงเซิงเองก็ตกตะลึงกับคำพูดดังกล่าวเช่นกัน “ท่านต้องการแต่งงานกับท่านแม่ของข้าที่นี่?”
“อ่า!” หรงเยี่ยพยักหน้าและถามออกมา “เวลานี้นางอยู่ที่ไหน เจ้าพาข้าเข้าไปได้หรือไม่?”
“แต่......” ไป๋ชงเซิงกัดริมฝีปากของนาง “หากท่านแม่เห็นท่าน นางจะต้องโกรธเป็นแน่”
“ข้าจะเกลี้ยกล่อมนาง!”
“เช่นนั้นท่านจะต้องทำให้ท่านแม่มีความสุข” ไป๋ชงเซิงกะพริบตาที่เปียกโชกของนางและพูดออกมาอย่างจริงจัง
หรงเยี่ยลูบศีรษะของนาง จัดผมที่ยุ่งเหยิงของนาง จากนั้นกล่าวออกมาว่า “ได้ ข้าจะทำให้ท่านแม่ของเจ้ามีความสุข แล้วเหตุใดเจ้าถึงอยู่ในสภาพเช่นนี้ เจ็บไหม?”
ไป๋ชงเซิงมองลงต่ำ พบว่าแขนเสื้อของนางมีรอยขาดเป็นทางยาว มีบาดแผลสองสามแห่งอยู่บนแขนด้านนั้น นางกล่าวออกมาด้วยความตกใจ “ข้าเป็นแผลได้อย่างไร?”
“รีบไปหาท่านแม่เร็ว บอกให้ท่านแม่ช่วยรักษาแผลให้เจ้า” หรงจิ่งหลินกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วง
“แต่พวกเราต้องเข้าไปด้านในด้วยเส้นทางที่ข้าเพิ่งจะออกมาเมื่อครู่ มันเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ เจ้าไหวหรือไม่?” ไป๋ชงเซิงจ้องมองใบหน้าขาว ๆ และท่าทางที่เป็นกังวลของหรงจิ่งหลิน นางจึงถามออกมา
อิงซาก้าวออกไปด้านหน้า อุ้มหรงจิ่งหลินขึ้นมา “ข้าจะเป็นคนปกป้องซื่อจื่อน้อยเอง”
“เช่นนั้นให้เสด็จพ่อปกป้องน้องสาว”
“อ่า!” หรงเยี่ยหันหน้าไปยังทิศทางที่ไป๋ชงเซิงชี้พร้อมกับเดินตรงไป
เมื่อเข้าไปถึงสุดป่า หรงเยี่ยหยุดฝีเท้าของเขา เหลือบมองพุ่มไม้ข้างหน้าของเขา เห็นว่ามันคือป่าพุ่มไม้ที่เต็มไปด้วยหนามจำนวนมาก
บนกิ่งไม้ด้านหน้าของเขามีเศษผ้าสีชมพูชิ้นเล็ก ๆ ติดอยู่
หรงเยี่ยก้มหน้าลงมองเสื้อผ้าที่ไป๋ชงเซิงสวมอยู่โดยไม่รู้ตัว และมันก็เป็นสีชมพูอย่างที่เห็น
ขาเอื้อมมือไปหยิบผ้าสีชมพูที่แขวนอยู่บนกิ่งไม้ออกมา ขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “ครั้งหน้าหากต้องเจอเรื่องราวเช่นนี้อีก เจ้าจะต้องเขียนจดหมายใส่กระดาษและให้เจ้าแมวเป็นคนนำออกมา พ่อเข้าใจในสิ่งที่เจ้าเขียน”
พ่อ......
ไป๋ชงเซิงมองไปที่ผ้าสีชมพูในมือของเขาด้วยความสับสน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหรงเยี่ยอีกครั้ง
คำว่า “พ่อ” ที่ออกมาจากปากของเขา ทำให้นางมีความรู้สึกและอารมณ์ที่แปลกไป
นางเบะปาก จากนั้นก็อ้าปากออกมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามเกี่ยวกับเรื่องคำว่า “พ่อ” ออกมาอย่างไร สุดท้ายนางก็กัดริมฝีปากของนางไว้ พูดออกมาด้วยความหดหู่ใจ “ข้าเข้าใจแล้ว”
พูดจบนางก็จงใจเปลี่ยนเรื่อง ชี้ไปยังพุ่มไม้ซึ่งอยู่ด้านหน้าและพูดว่า “ท่านเห็นเส้นทางเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหน้าหรือไม่ ข้าเพิ่งจะออกมาจากเส้นทางนั้น ขอแค่ท่านตรงไปตามเส้นทางนั้น ก็สามารถเข้าไปด้านในของหุบเขาได้ แต่......ท่านห้ามทำอะไรตามใจในหุบเขาเป็นอันขาด ท่านจะต้องทำตามที่ข้าพูด”
“ตกลง” หรงเยี่ยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...