ตอน บทที่ 246 พิสูจน์ตัวตนของไป๋ชงเซิง(1) จาก ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 246 พิสูจน์ตัวตนของไป๋ชงเซิง(1) คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเกิดใหม่ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ที่เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ประตูคุกเปิดออก เข่าทั้งสองข้างของหรงเยี่ยกระแทกลงพื้นอย่างแรง ไป๋ชิงหลิงตะโกนด้วยความเป็นห่วง " ท่านอ๋อง"
" พยุง....ข้า"
ไป๋ชิงหลิงใช้แรงยกเขาขึ้นมา ขณะที่ร่างของเขายืนขึ้นนั้นก็เดินไปตรงหน้าของเขา ย่อตัวลงแล้วก็ยกแขนของเขาขึ้นที่ไหล่ของตัวเอง แบกเขาไว้
หรงเยี่ยหายใจหอบ แล้วก็ห้ามเธอ " เจาเสวี่ย เจ้าแบกไม่ไหวหรอก"
" ข้าแบกไหว" ไป๋ชิงหลิงยืนกราน พร้อมกับเดินไปข้างหน้าทีละก้าว
เดินโซซัดโซเซ
ตอนนี้หรงเยี่ยไม่เพียงแต่บาดเจ็บทั่วร่างกายเท่านั้น แต่ในใจก็เจ็บปวดไปด้วย นี่หรือที่เขาบอกว่าจะให้เธอมีชีวิตที่สุขสบาย
" เจ้าปล่อยข้าลง แล้วก็รีบออกไปข้างนอกเรียกองครักษ์เหยี่ยวดำ"
" ข้าไม่ปล่อย เจ้าเคยบอกข้าว่าเจ้าจะไม่ปล่อยมือข้า ข้าก็จะไม่ยอมปล่อยมือเจ้าเหมือนกัน" นางตอบด้วยลมหายใจที่หนักหน่วง และเดินไปข้างหน้าไม่ยอมหยุด
นางไม่รู้ว่าหนทางจะสิ้นสุดลงที่ใดและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะออกจากที่นี่ได้หรือไม่ แต่นางรู้เพียงอย่างเดียว...คือนางต้องพาหรงเยี่ยออกไปให้ได้ ออกไปพร้อมชีวิต เพื่อไปอยู่ข้างกายลูกๆ
ไฟในคุกลุกโชนอย่างรวดเร็ว
หรงเวินอยูตั้งใจที่จะให้ไฟไหม้อีกสักพัก รอให้ไฟลามไปได้ที่แล้วค่อยเข้าวังขอคนมาช่วย
ทันทีที่จักรพรรดิเหยากลับมาจากตำหนักลี่อี๋ก็มุ่งตรงไปยังจวนอ๋องหรงเพื่อไปหาเด็กสองคนนั้น
เหมือนที่เขาคิดไว้จริงๆ เด็กทั้งสองอยู่ที่จวนอ๋องหรง ได้รับการปกป้องจากองครักษ์เหยี่ยวดำอย่างดี ต่อให้เขามาด้วยตัวเอง องครักษ์เหยี่ยวดำก็ไม่ได้ผ่อนปรนการปฏิบัติหน้าที่
ฟางกงกงพูดอย่างโมโห " พวกเจ้าจะทำอะไร คิดจะกบฏเหรอ ฝ่าบาทก็แค่ต้องการมาเยี่ยมซื่อจื่อน้อยเท่านั้น"
อิงอู๋และอิงซาจ้องหน้ากัน มือต่างฝ่ายต่างจับดาบไว้แน่น ไม่มีใครยอมถอยให้ใคร
สายตาของจักรพรรดิเหยามุ่งไปยังร่างของไป๋ชงเซิงที่อยู่หลังอิงซา ไม่ได้สนใจกับความไม่พอใจขององครักษ์เหยี่ยวดำที่มีต่อเขาเลยสักเล็กน้อย
เขาเข้าใจดีว่าองครักษ์เหยี่ยวดำก็เหมือนดาบของหรงเยี่ย เหมือนกับองครักษ์ลับของเขา ทันทีที่เจ้านายตายไปพวกเขาก็จะติดตามทายาทของเจ้านายเพื่อรักษาสายเลือดของเจ้านายให้คงอยู่ต่อไป
ต่อให้ต้องฝ่าฝืนคำสั่งของฮ่องเต้ หรือต้องแบกรับข้อหาว่าเป็นกบฏ หรือต่อให้ต้องตาย
จักรพรรดิเหยาโบกมือ " ถอยไปซะ ข้าก็แค่อยากจะพูดคุยกับเด็กเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรพวกเขา"
อิงอู๋และอิงซาสบตากันอีกครั้ง แล้วต่างคนต่างก็ถอยออกจากจวนไป
จักรพรรดิเหยาเดินไปหาไป๋ชงเซิง หรงจิ่งหลินรีบเดิมมาข้างหน้าไป๋ชงเซิงแล้วก็ใช้มือทั้งสองข้างกอดนางไว้
จักรพรรดิเหยาเห็นท่าทีของเขา ทำให้ยับยั้งฝีเท้าไว้สักครู่ เอ่ย " จิ่งหลิน"
" เสด็จปู่ ทำไมท่านพ่อและท่านแม่ถึงยังไม่กลับมาละ" ถึงแม้ว่าหรงจิ่งหลินจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่า สถานการณ์ตอนนี้ของพวกเขาไม่ได้ดีนัก
ในเมื่อพ่อและแม่ไม่อยู่ เขาในฐานะพี่ชายก็ต้องมีหน้าที่ปกป้องน้องสาวให้ปลอดภัย
"ท่านจะจับน้องสาวข้าไปเหรอ"
"ข้า......" จักรพรรดิเหยาพูดอะไรไม่ออก
หรงจิ่งหลินมองไปข้างหลังแวบหนึ่ง จับมือไป๋ชงเซิงไว้แน่น นิ้วมือทั้งสิบนิ้มประสานกันอย่างแน่น พูด "ถ้าอย่างนั้น ท่านก็จับจิ่งหลินไปด้วย"
เด็กทั้งสองเอ่ยพร้อมกันว่า" นี่คืออะไร"
"นี่คือจานเทพที่สามารถช่วยชีวิตท่านพ่อท่านแม่ของพวกเจ้า" ปรมาจารย์เอ่ยด้วยใบหน้าที่เป็นมิตร "ขอแค่พวกเจ้าสองคนใช้เลือดหยอดลงไปบนจานหยดเดียว ข้าก็จะสามารถช่วยท่านพ่อท่านแม่ของพวกเจ้าออกมาได้ทันที"
"จริงหรือ" หรงจิ่งหลินเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
ไป๋ชงเซิงพูดอย่างเย็นชา " นี่มันคือของที่ใช้เลือดเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์นี่ เจ้าพูดให้มันเป็นเหมือนของศักดิ์สิทธิ์ไปได้ ฝ่าบาทต้องการพิสูจน์ว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกันจริงหรือไม่นั้น ก็บอกมาตรงๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องทำให้มันวุ่นวายเลย ทำอะไรไม่ดังใจเลย"
พูดจบ ไป๋ชงเซิงก็หยิบมีดเล็กที่วางไว้ข้างๆ จานแบน กรีดเข้าไปบนนิ้วชี้อย่างไม่ลังเล แล้วก็หยอดเลือดของตัวเองลงไปรูบนจานเทียนอี๋ (อุปกรณ์โบราณ)
สีหน้าของจักรพรรดิเหยาเปลี่ยนไปเล็กน้อย จ้องมองไป๋ชงเซิงด้วยความตกตะลึง
การกระทำของเด็กที่พูดแล้วทำทันที มันทำให้เขาสะดุ้งตกใจจริงๆ
เขาคิดว่าไป๋ชงเซิงจะร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก และอาจจะต้องใช้เวลานานในการที่จะได้เลือดของเธอมาหยดหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า...
"ถ้างั้นข้าก็ขอทำเอง" หรงจิ่งหลินกัดริมฝีปาก หยิบมีดเล็กที่ไป๋ชงเซิงใช้เมื่อกี้แล้วก็กรีดลงไปบนฝ่ามือของตัวเอง
ปรมาจารย์หลูจะเอ่ยห้าม แต่ก็สายไปเสียแล้ว
"ซื่อจื่อน้อย มันกรีดลึกเกินไปแล้ว แค่ต้องการเลือดหยดหนึ่งก็มากพอแล้ว" ปรมาจารย์หลูเอ่ย
หรงจิ่งหลินทำหน้าเข้ม รีดเลือดของตัวเองเข้าไปในรูวงกลมเล็กๆ ไม่ได้ให้ความสนใจกับปรมาจารย์หลู
เพียงแวบเดียวเลือดก็ได้เต็มรูที่เจาะไว้ จักรพรรดิเหยาใช้ให้ฟางกงกงช่วยทำแผลให้หรงจิ่งหลิน
ปรารจารย์หลูหยิบเทียนอี๋เดินไปตรงหน้าของจักรพรรดิเหยา เอ่ย " ฝ่าบาท ขอแค่เปิดกลอนล็อกตัวนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าเด็กสองคนนี้เกิดจากแม่เดียวกันหรือเปล่า สามารถพิสูจน์ได้ว่าหมอหญิงไป๋ไม่ได้โกหก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...