บทที่ 254 ขอบพระทัยฝ่าบาท ทรงเป็นพระคุณยิ่งนัก – ตอนที่ต้องอ่านของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอนนี้ของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเกิดใหม่ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 254 ขอบพระทัยฝ่าบาท ทรงเป็นพระคุณยิ่งนัก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
สันกรามของนางถูกบีบรัด พร้อมใบหน้าเย็นชาและพูดว่า "ขอบพระทัยฝ่าบาท ทรงเป็นพระคุณยิ่งนัก"
นางโค้งคำนับให้จักรพรรดิเหยา และลุกขึ้นเดินออกไปจากตำหนักเฉียนชิง
จักรพรรดิเหยามองไปที่นางที่กำลังเดินจากไป และส่งสัญญาณให้ฟางกงกง
ฟางกงกงรีบเดินออกไปนำทางให้แม่นางไป๋ชิงหลิง
หรงเยี่ยที่อาศัยอยู่ที่ห้องโถงด้านข้างของตำหนักเฉียนชิง มีหมอซูและหมอหลวงฮั่วผลัดกันเข้าเฝ้าทั้งวัน
ไป๋ชิงหลิงถือชุดที่ดูซอมซ่อ เดินเข้าไปในห้องโถงด้านข้าง
หมอซูและหมอหลวงฮั่วมองนางด้วยความตกใจเป็นอย่างแรก แต่หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็ได้เรียกสติของตนกลับมา และทั้งทายไป๋ชิงหลิงด้วยความเคารพ "คารวะองค์หญิงหรง"
ไป๋ชิงหลิงพยักหน้าเล็กน้อย และเดินไปทางหรงเยี่ย
ร่างกายของเขาล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล แม้แต่จะห่มผ้าให้เขายังไม่กล้า เสื้อก็ไม่ได้ใส่ ไป๋ชิงหลิงได้เห็นหน้าอกของเขาอย่างชัดเจน และรอยแผลนั่นก็ชั่งน่ากลัวยิ่งนัก
หมอซูและหมอหลวงฮั่วพากันเดินออกไปจากตำหนัก และพลางปิดประตูลง
ไป๋ชิงหลิงเดินเข้าไปหาเขา ค่อย ๆ วางมือลงที่ใบหน้าของหรงเยี่ยอย่างเบามือ แต่ในขณะนั้น ก็มีฝ่ามือหนึ่งจับไปที่ข้อมือของนางอย่างรวดเร็ว
นางผงะทันที และเห็นหรงเยี่ยที่ไม่ทราบว่าลืมตาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด
"ท่านอ๋อง......"
ต่อมา ชายผู้นั้นก็ลุกขึ้น และดึงนางมาไว้ในอ้อมกอด
ไป๋ชิงหลิงผงะไปครู่หนึ่ง มือทั้งสองของนางไม่สามารถที่จะโอบกอดเขาได้ เพราะทั้งตัวเขาที่เต็มไปด้วยบาดแผล นางไม่สามารถที่จะกอดเขาได้
"หรงเยี่ย ท่าน......ท่านฟื้นแล้ว ข้าขอดูอาการของท่านก่อนเถิดเจ้าค่ะ"
"ให้ข้าได้กอดเจ้าก่อน"
ดูว่านี่ใช่ความฝันหรือไม่
"ข้ากลับมาแล้ว ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวเจ้าค่ะ ท่านรีบปล่อยข้าเถิด ข้ากลัวจะโดนแผลบนร่างกายของท่าน"
นางพยายามที่จะดิ้นให้หลุดออกมา หรงเยี่ยกลับกอดนางแน่นขึ้นกว่าเดิม ไป๋ชิงหลิงก็ไม่กล้าที่จะขยับเยอะ
ทั้งสองกอดกันนานจนหรงเยี่ยยืนยันได้แล้วว่านี่ไม่ใช่ความฝัน นางกลับมาหาเขาจริง ๆ
ท่านอ๋องก้มหน้าลงไปมองที่หน้าของนาง
ใบหน้าของเต็มไปด้วยจุดสีดำทั้งหน้าผาก จมูกและแก้มของนาง ในตอนนี้เหมือนกับแมวตัวหนึ่ง
ท่านอ๋องโกรธที่นางไม่เชื่อฟังคำพูดของเขา ดื้อดึงที่จะไม่ออกมาจากบริเวณที่ไปไหม้นั่น ตอนนี้นางอยู่ในสภาพที่จนตรอก ท่านอ๋องไม่กล้าพอที่จะตำหนินาง
"ท่านนอนลงเถิดนะเจ้าคะ"
"อืม!" ท่านอ๋องมองไปที่นาง แล้วค่อย ๆ โน้มตัวลงนอน
แต่ว่ามือของเขายังจับมือของนางไว้ไม่ยอมปล่อย
ทั้งสองจ้องมองตากันเป็นเวลานาน ไป๋ชิงหลิงถามก่อน "เซิงเอ๋อร์บอกว่าท่านไม่ยอมตื่นขึ้นมาเสียที"
"ข้าตื่นตั้งนานแล้ว"
"......" ไป๋ชิงหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไปที่ฝ่ามือของนางอย่างเบา ๆ และอมยิ้ม "ข้าคิดดีแล้ว ถ้าเกิดเจ้าตาย ข้าจะพาลูกทั้งสองของเจ้าหนีไป"
"ท่านฟื้นตั้งนานแล้ว ทำไมถึงแสร้งทำ ท่านนี่......"
ในความเป็นจริงแล้ว การปลูกถ่ายกระดูกของท่านหมอซูเก่งกาจกว่านางเสียด้วยซ้ำ กระดูกที่หักเป็นชิ้น ๆ ก็สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ รวมทั้งใช้ที่ค้ำยันและกินยาที่นางได้มา ขาของหรงเยี่ยก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
ปัญหาตอนนี้ก็คือหลังจากที่ขาเขากลับมาใช้ได้ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะยืนขึ้นได้
เด็กทั้งสองคนรู้ว่าเมื่อหรงเยี่ยฟื้นขึ้นมาจะไม่ยอมลุกไปไหน
โดยเฉพาะไป๋ชงเซิง ทั้งขัดแย้งกับความคิดตัวเองทั้งอยากเข้าไปใกล้ชิด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้ากับพ่อได้อย่างไร และยังรู้สึกไม่สบายใจเหมือนเมื่อก่อน
นางยืนเหม่ออยู่ข้าง ๆ หรงจิ่งหลิน ฟังเขาและหรงเยี่ยพูดคุยกัน ไป๋ชิงหลิงเห็นไป๋ชงเซิงไม่พูดไม่จา เลยเอื้อมมือไปผลักตัวเบา ๆ
ไป๋ชงเซิงหันกลับไปมองนาง "ท่านแม่......"
"เซิงเอ๋อร์ เจ้ามีอะไรจะพูดกับพ่อเจ้างั้นหรือ?"
ไป๋ชงเซิงหน้าแดง และทำเสียงฮึดฮัด "ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเขาสักหน่อย"
"เรียกพ่อสิ หรือว่าจะเรียกเหมือนพี่ของเจ้าว่าเสด็จพ่อก็ได้"
ไป๋ชงเซิงบิดไปบิดมา นางเหลือบไปมองหรงเยี่ยและทำเป็นมองไปทางอื่น พร้อมพูดเสียงแข็งว่า "ข้าไม่กล้าเรียกหรอก ตั้งแต่ข้าเกิดมาข้าก็ไม่เคยมีพ่อ ท่านก็ไม่เคยบอกข้าว่าข้ามีพ่อ"
"นี่ไม่ได้แปลว่ามีแล้วหรือ?" ไป๋ชิงหลิงยิ้มเบา ๆ เมื่อรู้ว่าเด็กคนนี้มีนิสัยดื้อรั้น และปากแข็งเหมือนกับหรงเยี่ย
หรงจิ่งหลินหันหน้ากลับมา จับมือของไป๋ชงเซิงขึ้น "น้องสาว อย่ากลัวไปเลย เสด็จพ่อเขาน่ะใจดีมากนะ"
"ข้าคิดว่าเขาดูไม่น่าคบหาด้วย บางครั้งเขาก็ดูดุ" ไป๋ชงเซิงเม้มริมฝีปากพูด
หรงเยี่ยถอนหายใจ แล้ววางมือบนศีรษะของไป๋ชงเซิงแล้วลูบหัวอย่างอ่อนโยน "ตอนนี้ข้าดูดุร้ายมั้ย"
"ตอนนี้......" นางเงยหน้าขึ้นไปมองมือที่อยู่บนศีรษะ
ที่แขนของเขามีรอยถูกฟาดด้วยแส้ ไป๋ชงเซิงเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงแล้วเรียกเสียงเบา ๆ ว่า "เสด็จพ่อ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...