หรงเยี่ยขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้ตอบคำถามของนางแต่อย่างใด
จื่ออีและชิงอีขึ้นมาบนรถม้าตามลำดับ หลังจากทำความเคารพหรงเยี่ย ทั้งสองก็นั่งคุกเข่าลงอยู่ด้านข้าง
หรงเยี่ยถามออกมาว่า “เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องต้วนออกมาให้ข้าฟังอย่างละเอียด”
หัวใจของไป๋ชิงหลิงเต้นแรง ใบหน้าของนางซีดขาว
ที่แท้เขาก็คิดจะทำเช่นนี้นี่เอง
“ให้ข้าเป็นคนเล่าจะดีกว่า”
“ไม่เป็นไร พระชายาพักผ่อนอยู่ในอ้อมกอดของข้า ให้นางสองคนเล่าออกมาจะดีกว่า” เขาวางฝ่ามือลงบนศีรษะของนาง กดบนใบหน้าเล็ก ๆ ของนางไว้ในอ้อมแขน
หลังจากไป๋ชิงหลิงออกมาจากวังหลัง เขาก็ออกจากตำหนักทันที
นางอยู่ในจวนอ๋องต้วนนางถึงสามชั่วโมงเต็ม เขาเองก็รออยู่ด้านนอกสามชั่วโมงเต็มเช่นกัน
หากไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในช่วงเวลาสามชั่วโมง เช่นนั้นนางจะต้องเข้าไปช่วยเหลือใครเป็นแน่
เขาเองก็ไม่อยากกดดันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องต้วนกับนาง เพราะกลัวนางจะเหนื่อยเกินไป
แต่ไป๋ชิงหลิงไม่เข้าใจ นางคิดว่า......หรงเยี่ยไม่เชื่อใจนาง นางรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย แต่เพียงเก็บมันไว้ในใจโดยไม่พูดอะไรออกมา
รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปด้านหน้า
ชิงอีเริ่มเล่าเรื่องราวออกมา “ท่านอ๋อง อ๋องต้วนไร้ยางอาย เขาสารภาพรักกับพระชายาของพวกเราต่อหน้าพระชายาต้วน”
“และเขาก็ยังจับมือพระชายา และยังพูดอีกว่าต่อให้ต้องแลกมาด้วยสิ่งใดก็ตาม เขาจะต้องชิงตัวของพระชายากลับไปให้ได้”
“จะมีคนไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ก็เห็นกันอยู่ว่าพระชายาอภิเษกกับท่านอ๋องหรงแล้ว แต่เขายังคิดจะพรากพระชายาไปจากน้องชายของตนเอง......”
ชิงอีเล่าเรื่องราวของอ๋องต้วนออกมาในลมหายใจเดียว ตั้งใจเล่าเรื่องราวดังกล่าวให้หรงเยี่ยฟัง หวังว่าหรงเยี่ยจะสามารถสั่งสอนบทเรียนให้แก่อ๋องต้วนแทนพระชายาของพวกนางได้
หลังจากพวกนางพูดจบ ใบหน้าของจื่ออีและชิงอีก็น่าเกลียดเป็นอย่างมาก
ชิงอียังพยายามใส่ไฟแห่งความโกรธให้หรงเยี่ยต่อไป นางเพียงรู้แค่ว่า......อ๋องต้วนไร้ยางอายเป็นอย่างมาก น่าขยะแขยง เกลี้ยกล่อมพระชายาหรงอย่างโจ่งแจ้ง ถึงเวลาแล้วที่จะทำให้ท่านอ๋องหรงลงโทษเขาสักครั้ง
จื่ออีเห็นว่านางยังคงไม่ยอมเงียบปากจึงยื่นมือออกไปเพื่อหยิกขาของนาง
ชิงอีโวยวายออกมาเบา ๆ “จื่ออี เจ้าหยิกข้าทำไม ข้ายังพูดไม่จบเลย......”
“พอได้แล้ว พระชายาของพวกเราช่วยพระชายาต้วนคลอดบุตร นางเหนื่อยมากแล้ว” จื่ออีกล่าวออกมาด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึม
ชิงอีช่างโง่เขลา ไม่รู้จักสังเกตอะไรเอาเสียเลย......
ชิงอีเงยหน้าขึ้นมองไป๋ชิงหลิง พบว่านางหลับอยู่ในอ้อมแขนของอ๋องหรงด้วยใบหน้าอันเหนื่อยล้า
“ใช่แล้ว ท่านอ๋องหรง ข้าได้รายงานเรื่องสำคัญไปหมดแล้ว เรื่องอื่นก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
เปลือกตาของจื่ออีกระตุกอย่างรุนแรง
อะไรที่เรียกว่าได้รายงานเรื่องสำคัญไปหมดแล้ว
เจ้าก็แค่เล่าเรื่องเลวร้ายทั้งหมดออกมา จนไม่มีอะไรจะพูดแล้วเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...