ใบหน้าของนางแดงถึงต้นคอ พูดด้วยความโกรธ
ไป๋ชิงหลิงจ้องมองเขาอย่างว่างเปล่า ความโกรธในดวงตาของนางค่อย ๆ สลายหายไปเพราะคำพูดของเขา
นางกัดริมฝีปาก พูดไม่ออก
“หรงฉี่ไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่ายอย่างที่เห็นภายนอก เขาเป็นคนโหดร้าย เล่นกับผู้หญิงมากมาย และผู้หญิงเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็ไม่อาจเอาชีวิตรอดออกมาได้ ขอแค่เป็นผู้หญิงที่เขาต้องการ ไม่มีใครที่สามารถเอาชีวิตรอดออกไปจากจวนอ๋องต้วนได้”
“อะ......อะไรนะ......”
“เรื่องเหล่านี้ถูกเก็บเงียบด้วยน้ำมือของตระกูลฝั่งแม่ของหรงเยี่ย ไม่มีใครรู้ แม้แต่จักรพรรดิเองก็ยังหลงอยู่ในความมืด” หรงเยี่ยเห็นท่าทางที่ดูตกใจของนาง น้ำเสียงของเขานุ่มนวลลง แต่เขายังคงกอดนางไว้แน่นและพูดออกมาว่า “เขามักจะทำนิสัยน่ารักนุ่มนวลเพื่อหลอกลวงผู้หญิง เจ้าเองก็ถูกเขาหลอกแต่งงานเพราะแบบนี้ไม่ใช่หรือ?”
ร่างกายของนางสั่นเทา มือทั้งสองข้างกำกระโปรงไว้แน่น
หรงเยี่ยรู้ว่าเขาพูดในสิ่งที่สะกิดบาดแผลของนาง “ข้าขอโทษ ข้าขอถอนคำพูดประโยคสุดท้าย”
“ไม่ เจ้าบอกข้ามาให้หมด เจ้ายังรู้ความลับอะไรเกี่ยวกับหรงฉี่อีก?”
นางรู้สึกเหมือนว่าตนเองจับเบาะแสสำคัญบางอย่างได้ และสามารถจัดการกับหรงฉี่ได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
และหรงเยี่ยก็มองผ่านความคิดของนางทันที “เจ้าอย่าได้คิดฟุ้งซ่าน เรื่องนี้ข้ากำลังสืบหาข้อมูล แต่พระสนมเอกหรงรู้ว่าข้ากำลังสืบเรื่องของหรงฉี่อยู่ลับ ๆ จึงทำให้หรงฉี่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมา”
พูดจบเขาก็ก้มหน้า ใช้ฝ่ามือของเขาลูบผมของนางเบา ๆ หวีผมให้นางอย่างอ่อนโยน “หากจวนอ๋องต้วนสั่งให้เจ้าไปทำอะไรอีก เจ้าสามารถปฏิเสธได้ตามที่เจ้าต้องการ ไม่จำเป็นต้องไปยังสถานที่เช่นนั้น”
“เกรงว่าเขาคงไม่ทำตามความปรารถนาของเจ้า” นางหลับตาลง ทรุดตัวลงไปในอ้อมแขนของเขา โอบกอดเขา ความหดหู่ใจเมื่อครู่ได้หายไปหมดแล้ว......
ดวงตาของหรงเยี่ยหรี่ลง เขาเชยคางของนางขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “อย่าให้เขาแตะต้องเจ้าอีกเป็นอันขาด แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่ได้”
พูดจบหรงเยี่ยก็โน้มตัวลง ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากอันแดงระเรื่อของนาง......
นางถูกร่างกายของเขากดทับ เป็นการจูบที่เจ็บปวดพอควร
ลมหายใจของชายผู้นี้เต็มไปด้วยความรุนแรง เขายังคงคิดถึงคำพูดที่ไป๋ชิงหลิงและอ๋องต้วนพูดคุยกันในคืนนี้
เจตนาฆ่าที่มีต่อหรงฉี่รุนแรงขึ้น......
ไป๋ชิงหลิงใช้แรงของนางผลักเขาออกอย่างกะทันหัน หลบจากริมฝีปากของเขา กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “อย่าเพิ่ง ข้ายังมีเรื่องอยากจะพูดกับเจ้า”
เรื่องนี้จะบอกว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเป็นเรื่องเล็กก็ไม่เชิง แต่เป็นเรื่องที่นางอยากทำมาโดยตลอด
ลมหายใจอันเร่าร้อนของหรงเยี่ยเผาผลาญใบหน้าของนาง “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน พระชายา”
ฝ่ามือของเขาลูบไล้เข้าไปในเสื้อผ้าของนาง สัมผัสผิวอันอ่อนโยนและนุ่มนวลของนาง
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับมัน นางคล้องคอของเขาไว้พร้อมกล่าวว่า “เรื่องนี้อาจจะช่วยให้การสืบหาข้อมูลของหรงฉี่มีความคืบหน้ามากขึ้น เจ้าไม่อยากฟังอย่างนั้นหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...