อย่างไรก็ตามนางพบว่านอกเหนือจากคำสัญญาที่หรงเยี่ยให้ไว้กับนางแล้ว ดูเหมือนนางจะไม่สามารถหาทางออกที่จะทำให้เขาไม่ต้องแต่งชายารองหรือรับอนุเข้ามาในอนาคตได้เลย
คนเหล่านั้นจะก่อกวนนางไม่รู้จบ ยัดเยียดคนให้นาง
“ชิงอีส่งของว่างเหล่านี้ไปก่อน”
ชิงอีพยักหน้ารับ ส่งของว่างรูปแบบใหม่ที่ทำไว้ก่อนแล้วไปยังพระที่นั่งถิงเซียง
แน่นอนว่านางนำเรื่องที่ไป๋หมิงจูมาที่ห้องพระเครื่องต้นเพื่อสืบหาข้อมูลไป๋ชิงหลิงไปบอกหรงเยี่ยด้วย
เมื่อไป๋ชิงหลิงกลับมาพร้อมกับอาหารที่เตรียมไว้ เวลาก็ผ่านไปกว่าสองเค่อแล้ว
อย่างไรก็ตามไป๋ชิงหลิงที่ไปห้องพระเครื่องต้นด้วยรอยยิ้ม แต่กลับกลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
นางกำนัลที่อยู่ด้านหลังวางอาหารลงบนโต๊ะ ส่วนไป๋ชิงหลิงนั่งอยู่ตรงข้ามหรงเยี่ย นางหยิบตะเกียบด้วยตัวเอง แล้วกินซาลาเปานึ่งจนแก้มป่อง
ชาววังที่คอยรับใช้ในพระที่นั่งถิงเซียงล้วนเห็นว่าสีหน้าไป๋ชิงหลิงแย่มาก ดูเหมือนนางจะอารมณ์ไม่ดี
หรงเยี่ยก็เห็นได้ทันทีเช่นกัน
“ชายา มานั่งตรงนี้”
“นั่งตรงนั้นทำไม ข้าหิวแล้ว” ไป๋ชิงหลิงเหลือบมองเขา
เมื่อมองอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ใบหน้าหรงเยี่ยยังคงหล่อเหลา ไม่แปลกเลยที่ถึงแม้เขาจะขาเป๋ ไป๋หมิงจูก็ยังชอบ
เมื่อคิดถึงไป๋หมิงจูอารมณ์ไป๋ชิงหลิงก็แย่ลงอีกครั้ง
นางหยิบช้อนขึ้นมาตักอาหารเต็มปากเต็มคำ
เมื่อเห็นเช่นนี้หรงเยี่ยก็หมุนวงล้อไปด้านข้างไป๋ชิงหลิง นางกำนัลรีบเลื่อนเก้าอี้ข้างๆ ไป๋ชิงหลิงออก
หรงเยี่ยอยู่เคียงข้างนาง
ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองทันที “อาหารที่เป็นยาต้องกินตอนยังอุ่นยาจึงจะออกฤทธิ์ได้ดี ยามทานอย่าหันไปหันมา หากมันเย็นข้าจะไปทำให้ใหม่”
“หากชายายังไม่อาจปลดปล่อยแรงอารมณ์ เกรงว่าข้าคงไม่อาจกินสิ่งใดได้ลง” หรงเยี่ยเอียงศีรษะเล็กน้อย วางข้อศอกบนที่วางแขนแล้วยิ้มให้นาง
ไป๋ชิงหลิงตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปจ้องหรงเยี่ยอีกครั้งด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ
นางวางช้อนในมือแล้วยื่นมือไปหยิกหน้าหรงเยี่ย “ชิงอีบอกท่านแล้วใช่ไหม ใบหน้าของท่านช่างล่อผึ้งเรียกผีเสื้อยิ่งนัก คนแรกก็เสิ่นโหรวเม่ย ต่อมายังมีไป๋หมิงจู ท่านว่า...ท่านยังจะมีดอกท้อเน่า[1]เข้ามาอีกกี่ครั้ง”
“ดอกไม้ในใจข้ามีเพียงหนึ่งเดียว”
“หึ” ไป๋ชิงหลิงชักมือออกแล้วหันหน้าหนี “คราวหน้าหากมีใครเข้ามาขอเป็นชายารองของท่านกับข้า ข้าคงต้องรับให้แทนท่านแล้วใช่ไหม”
หรงเยี่ยเลิกคิ้วขึ้นพร้อมส่งเสียง “อืม” เบาๆ
เมื่อไป๋ชิงหลิงได้ยิน “อืม” นางก็หันกลับมาจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ
เขาหัวเราะเบาๆ “ชายายินดีที่จะผลักข้าไปให้หญิงอื่นหรือ”
“แล้วท่านเคยคิดบ้างไหมว่าวันหนึ่งเสด็จพ่อหรือเสด็จแม่ หรือไม่เสด็จย่าจะขอให้ข้าพาหญิงบางคนกลับจวน เพื่อให้ท่านได้เพิ่มกิ่งก้านส่งต่อสายเลือด”
ไป๋ชิงหลิงคิดว่า มีโอกาสมากที่พวกเขาจะเริ่มต้นจากนาง
หลังจากนั้นหรงเยี่ยจะฟังนาง
เมื่อหรงเยี่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้ ใบหน้าของเขาจมดิ่งลงทันที คิ้วเขาขมวดแน่น “ข้าไม่ต้องการ พวกเขายังจะกล้าบีบคั้น”
“นั่นคือสิ่งที่ข้าพูด แต่ท่านรู้ไหม หากเป็นหนึ่งในสามคนนั้นขอให้ข้าเลือกชายารองให้ท่าน ข้าจะไม่สามารถปฏิเสธได้เลย”
นี่อาจเป็นโศกนาฏกรรมจากการแต่งงานกับเชื้อพระวงศ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...