“เหมือนเสด็จแม่ท่านอย่างไรเล่า”
“อุ๊บ...” อิงซาหลุดเสียงออกมาด้วยกลั้นไม่อยู่
ดวงตาเย็นชาของเขาหันไปทางอิงซาอย่างรวดเร็ว
อิงซารีบยืดหลังตรง เม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นหัวเราะ
แต่เขาก็ยังอยากหัวเราะอยู่...
ท่านอ๋องยิ่งนานวันยิ่งถดถอยจริงๆ!
หรงเยี่ยคว้ายากู่[1]จากมือไป๋ชิงหลิง แล้วดื่มน้ำแกงที่มีครึ่งชามเล็กลงไปในอึกเดียว
ไป๋ชิงหลิงยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมพูดว่า “เก่งมาก”
จากนั้นนางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำแกงที่หยดลงมาจากมุมปากเขา ก่อนจะถามหรงเยี่ยด้วยเสียงราวกล่อมเด็กว่า “ยังอยากได้อีกไหม?”
“ข้าจัดการเอง!” หรงเยี่ยวางยากู่กลับลงบนโต๊ะด้วยสีหน้ามืดมน เขาหยิบตะเกียบขึ้นมากินด้วยตัวเอง
ริมฝีปากสีแดงของไป๋ชิงหลิงยกขึ้นเล็กน้อย สายตานางกวาดมองท่าทีของหรงเยี่ยอย่างแผ่วเบา นางยกมือขึ้นหยิกใบหูเขาอย่างอดไม่ได้
เขาเอื้อมมือไปจับมือเล็กของนาง ใส่ผักลงในชามนาง แล้วพูดอย่างเคอะเขินว่า “กินเร็ว กินเสร็จยังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ คืนนี้เราจะกลับจวนอ๋องหรง”
นางรีบดึงมือออก หยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้งแล้วพูดว่า “ได้” จากนั้นก็ก้มหน้ากินต่อ
อาหารเพิ่งเข้าปากได้เพียงคำเดียว เสียงองค์หญิงหลวนอี๋ก็ดังมาจากด้านนอก
ภายในน้ำเสียงมีแววสะอื้นไห้แฝงอยู่ “พี่เจ็ด พี่สะใภ้เจ็ด พี่เจ็ด...”
ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองทันที นางเห็นหลวนอี๋เดินเข้ามาจากประตูโดยมีนางกำนัลสองคนคอยพยุงนางจากด้านข้าง
นางสวมชุดสีชมพูอ่อนในค่ำคืนนี้ แต่ยามนี้กระโปรงนางยุ่งเหยิงไปหมดและผมกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย
ไป๋ชิงหลิงรีบวางตะเกียบ ลุกขึ้นเดินไปหาหลวนอี้ “มีอะไรหรือ?”
“พี่สะใภ้เจ็ด” หลวนอี๋จับมือไป๋ชิงหลิงและทรุดกายลงกับพื้นจนเกิดเสียงดัง “ตุบ” แล้วร้องว่า “จิ่งหลินและเซิงเอ๋อร์หายไป ข้าทำพวกเขาหาย ทำอย่างไรดี เป่าลี่ว์และเสวี่ยหลางก็หายไปเช่นกัน ข้าสั่งให้คนค้นหาทุกที่แล้ว แต่กลับไม่พบพวกเขา ข้ามัวแต่เถียงกับพระชายารองหวู่จนไม่ได้เหลียวแลทั้งสองคนเลย เสด็จแม่และเสด็จพ่อยังไม่ทรงทราบเรื่องนี้”
สี่ซ่านและเหลียนซินสองนางกำนัลที่อยู่เบื้องหลังหลวนอี๋ก็คุกเข่าลงกับพื้นเช่นกัน
เมื่อเห็นความตื่นตระหนกและวิตกกังวลของผู้เป็นนาย สตรีทั้งสองก็ร้องไห้ไม่ต่างกัน
สีหน้าไป๋ชิงหลิงกับหรงเยี่ยเปลี่ยนไป โดยเฉพาะหรงเยี่ยที่โยนตะเกียบในมือทิ้ง ดวงตาเขาเบิกโพลงก่อนจะถามว่า “เจ้าทะเลาะกับพระชายารองหวู่หรือ?”
“นางเรียกเซิงเอ๋อร์ว่าลูกนอกสมรส บอกว่าพี่สะใภ้เจ็ดแต่งให้พี่เจ็ดเพราะลูกของนาง นอกจากนี้ยังบอกว่าพี่สะใภ้เจ็ดเป็นคนเจ้าอุบายคิดใช้ลูกของคนอื่นขึ้นสู่อำนาจ กล่าวว่าราชวงศ์รับเซิงเอ๋อร์เพียงเพราะเห็นแก่หน้า” หลวนอี๋ร้องไห้ ยามนางเล่านางก็เช็ดน้ำตาด้วยท่าทางกรุ่นโกรธ
ใบหน้าไป๋ชิงหลิงมืดมน
แต่แล้วนางก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง...
นางเคยพูดคุยกับพระชายารองหวู่ครั้งหนึ่ง
ในวันที่นางแต่งเข้าจวนอ๋องต้วน นางได้เคยตรวจชีพจรให้พระชายารองหวู่
ความประทับใจแรกที่มีต่อพระชายารองหวู่ถือว่าไม่เลว เหตุใดเพียงไม่นานอีกฝ่ายจึงดูถูกลูกของนางเช่นนั้น ทั้งยังดูถูกนางด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...