เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางไป๋ชิงหลิง
รถเข็นไหลมาทางนาง ไป๋ชิงหลิงเองก็ก้าวเท้าขึ้นเดินไปหาเขา
เมื่อทั้งสองเข้าใกล้ หรงจิ่นหลินก็ปล่อยมือของไป๋ชิงหลิง เดินไปหาหรงเยี่ย และยื่นมือไปลูบหลังของไป๋ชงเซิง “น้องสาว ปรมาจารย์หลูเป็นเทพเจ้าเก่าแก่ที่ทรงพลังที่สุดในโลก เขาทดสอบเราเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางสายเลือด แม้แต่เสด็จปู่ก็ไม่สงสัยเลือดที่เขาตรวจให้เรา พวกเขาสงสัยในตัวเจ้าก็เท่ากับว่าสงสัยในตัวเสด็จปู่ เสด็จปู่จะสอนบทเรียนให้พวกเขาเอง ”
ไป๋ชงเซิงหันมามองหรงจิ่งหลินด้วยดวงตาสีแดง “ข้าแค่รู้สกอึดอัด ข้าไม่ต้องการให้เขาด่าท่านแม่แบบนั้น ในสายตาของข้าท่านแม่ดีที่สุด”
“เด็กโง่ ”ไป๋ชิงหลิงคุกเข่าลง อุ้มไป๋ชงเซิงมาจากอ้อมแขนของหรงเยี่ย และหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อเช็ดน้ำตาของนาง
เมื่อไป๋ชงเซิงกอดไป๋ชิงหลิง นางอดไม่ได้ที่จะร้องไห้อีกครั้ง
อันที่จริง ทุกวันนี้ นางมักจะแอบได้ยินคนในวังพูดไม่ดีเกี่ยวกับไป๋ชิงหลิง
พวกเขาไม่กล้าพูดต่อหน้านาง แต่กลับแอบพูด
แต่นางรู้ว่า คนรับใช้ในวังดูถูกนางในฐานะองค์หญิง และยังดูถูกแม่ของนางด้วย
พระชายารองหวู่เป็นเพียงชนวน ที่จุดชนวนความคับแค้นใจที่สะสมของนางในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา และสิ่งที่ทำให้นางเจ็บปวดจริง ๆ ก็คือสายตาของโลกนี้……
“ท่านแม่ ไปเถอะอย่าอยู่ที่นี่” ไป๋ชงเซิงกอดคอนางแน่นแล้วพูด
ไป๋ชิงหลิลูบหัวของนางอย่างทุกข์ใจ และพูดเกลี้ยกล่อม “ตกลง คืนนี้เราจะออกจากพระราชวัง”
“ ข้าไม่ต้องการอยู่ในเมืองหลวง ข้าอยากกลับไปที่หุบเขาเซียนไหล ที่นี่มีคนไม่ดีเยอะ พวกเขาไม่ชอบท่านแม่และก็ไม่ชอบเซิงเอ๋อร์……”นางก้มหน้าลงแล้วพูดพร้อมกับเบะปาก
หรงเยี่ยเงยหน้าขึ้นมองไป๋ชิงหลิง ทั้งคู่รู้สึกหนักใจมาก
ไป๋ชิงหลิงไม่ต้องการให้หรงเยี่ยได้ยินคำพูดของไป๋ชงเซิง และทำให้เขามีภาระทางจิตใจ ดังนั้นจึงอุ้มนางและเดินออกทางเดิม “เซิงเอ๋อร์เด็กดี บนโลกนี้มีคนน่ารังเกียจก็ย่อมมีคนดี และแน่นอน ถ้ามีคนดีก็ย่อมมีคนเลว เจ้าคิดว่าแม่ดีที่สุด แต่คนอื่นไม่คิดแบบนั้น เราไม่สามารถทำให้ทุกคนชอบเราได้ และเราไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนยอมรับเรา ตราบใดที่เสด็จพ่อ เสด็จปู่ เสด็จย่า และเสด็จย่าทวดยอมรับเจ้า มันคืออาวุธที่จะครอบงำเป้าหมายสูงสุดของคนเลว”
หลังจากที่นางพูดจบ หัวใจของไป๋ชิงหลิงก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น
เซิงเอ๋อร์ไม่ควรกังวล แต่พ่อของนางเป็นองค์ชาย
เช่นนั้นในอนาคตนางก็จะมีเรื่องให้ต้องฝืนใจทำมากมาย และนางกับเซิงเอ๋อร์ก็จะไม่สามารถกลับไปได้อีก
นางเขย่าเซิงเอ๋อร์ เบา ๆ ขณะที่นางเดิน และไป๋ชงเซิงก็ค่อย ๆ เงียบลงท่ามกลางเสียงของนาง
แต่นางยังคงร้องไห้ และรู้สึกหดหู่ใจมากอยู่ “พวกเขาพูดไม่ดีเกี่ยวกับท่านแม่ ข้าควรเพิกเฉยพวกเขาหรือ?”
“พวกเขา ? ” ไป๋ชิงหลิงมองลงไปที่เด็ก
ไป๋ชงเซิงยืดตัวขึ้น ปล่อยมือข้างหนึ่งแล้วมองไปที่ไป๋ชิงหลิง “ข้าแอบได้ยินพวกเขาว่า คนในวังดูถูกท่านแม่และเซิงเอ๋อร์”
จู่ ๆ ความเย็นยะเยือกก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของหรงเยี่ย
ไป๋ชิงหลิงพูดปลอบ “เจ้าคือองค์หญิง คนรับใช้คนสนิทซุบซิบกัน เจ้าไปบอกแม่นมหยาง แม่นมหยางจะสอนเจ้าให้ทำอย่างไรเอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...