ในตอนที่ไป๋ชิงหลิงได้ยินคำพูดนี้นั้น ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง
ชีวิตที่น่าสงสารของเด็กหนึ่ง ถึงแม้จะต้องพนันด้วยชีวิตของตนเองก็ต้องช่วยชีวิตจิ่งหลินให้ได้
เธอกอดคอของเขาไว้ แล้วกดเขาเอาไว้ใต้ร่าง แยกนิ้วเขาออกเล็กน้อย ริมฝีปากแดงระเรื่อแนบชิดไปกับริมฝีปากบางของเขา
ลมพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ปัดเป่าเทียนที่อยู่บนโต๊ะจนดับ และมีเสียง“เอี๊ยดอ๊าด”ดังมาจากเตียง
เสียงครางของหญิงสาวดังมาจากในด้านผ้าม่านเตียง
พอฟ้าสว่าง หรงเยี่ยก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว
ขณะที่จื่ออีกับชิงอีเข้ามาปรนนิบัติรับใช้นั้น สีหน้าดูลำบากเป็นอย่างมาก เพียงแค่แวบเดียวไป๋ชิงหลิงก็ดูออกได้ทันทีว่าหญิงรับใช้ทั้งสองผิดปกติ
“เป็นอะไรไป?”
จื่ออีกับชิงอีสบตากัน สีหน้าทั้งสองคนดูหนักใจเป็นอย่างมาก
ในใจไป๋ชิงหลิงอึมครึมเล็กน้อย เธอถาม:“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“หม่อมฉันพูดเองเพคะ” ชิงอีวางอ่างล้างหน้าลง แล้วพูดด้วยความโมโห:“วันนี้ช่วงที่ฟ้ายังไม่สว่าง พระชายารองหวู่มายืนอยู่หน้าจวนท่านอ๋องหรงเพคะ”
ไป๋ชิงหลิงขมวดคิ้ว
ชิงอีพูดต่อ:“นางจะยืนก็ยืนสิเพคะ เหตุใดต้องวิ่งโร่มายืนที่หน้าจวนท่านอ๋องหรงด้วย คนรับใช้ของท่านอ๋องหรงเลยเข้าไปถามนาง พระชายารองหวู่นางก็บอกว่าตนเองไม่มีหน้าจะไปเจอพระชายาหรง แต่ว่าไม่มีหน้าก็ส่วนไม่มีหน้าสิเพคะ จะมาเดินเพ่นพ่านแถวจวนท่านอ๋องทำไม คนที่เฝ้าหน้าประตูเลยไปบอกกับพ่อบ้านฉี พ่อบ้านฉีไม่ทันได้สวมชุดให้เรียบร้อย ก็รีบวิ่งออกไปเลยเพคะ พ่อบ้านฉีเชิญพระชายารองหวู่เข้าไปนั่งในจวน พระชายารองหวู่ก็พูดว่า ไม่ล่ะ เกรงว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของพระชายาหรง นางเลยเลือกที่จะรอพระชายาหรงตื่นก่อน แล้วค่อยรายงานพระชายาหรง นางเลยรออยู่ที่หน้าประตู......”
พูดถึงตรงนี้ ชิงอีก็โมโหจนแทบบ้า
จื่ออีก็คล้อยตามพร้อมพยักหน้าเช่นกัน
ไป๋ชิงหลิงเห็นว่าทั้งสองโมโหขนาดนี้ คิดว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
“จื่ออี เจ้าพูดต่อ” ไป๋ชิงหลิงถาม
จื่ออีขึ้นไปด้านหน้าแล้วจับเสื้อผ้าของเธอ เพื่อแสดงถึงการขอความกรุณา แล้วพูดด้วยท่าทีโกรธเคือง:“พ่อบ้านฉีเชิญนางเข้าไปไม่ได้ เลยไปหาแม่นมซั่งเพคะ เพราะว่าตอนนั้น ท่านอ๋องและพระชายาต่างก็กำลังพักผ่อนอยู่ แต่กว่าจะรอแม่นมซั่งออกมา พระชายารองหวู่ก็ทำท่ากุมท้อง จนถูกคนของจวนท่านอ๋องต้วนพยุงขึ้นรถม้าไปแล้วเพคะ”
“จวนท่านอ๋องหรงอยู่ติดกับถนนใหญ่ มีชาวบ้านเดินไปเดินมากันให้ควั่ก หม่อมฉันเห็นพระชายารองหวู่ยืนขอเข้าพบพระชายาหรงที่หน้าจวนท่านอ๋องหรงตั้งแต่เช้าตรู่แล้วเพคะ แต่ว่า ชาวบ้านพวกนั้นพูดกันว่า......”
“พูดกันว่าพระชายาหรงจิตใจอำมหิต ทั้งๆที่พระชายารองหวู่ตั้งครรภ์อยู่แต่ก็ไม่สนใจ ให้นางยืนอยู่หน้าจวนหลายชั่วยาม ใช่ไหม?” ไป๋ชิงหลิงพูดต่อจากจื่ออี
จื่ออีนิ่งอึ้งไป เงยหน้ามองเธออย่างเงียบๆ
ชิงอีเดินเข้ามา พูดด้วยความโมโห:“ใช่เพคะ พอฟ้าสว่างหม่อมฉันก็ออกไปซื้อของกับจื่ออี ตอนที่กลับมานั้นก็เห็นว่าหน้าประตูจวนท่านอ๋องหรงมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งล้อมอยู่ พวกเขาบอกว่าทั้งๆที่ลูกทั้งสองคนของพระชายากลับมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่กลับไม่ยอมปล่อยพระชายารองหวู่เพราะเรื่องนี้ ด่าพระชายาอำมหิต แม้แต่หญิงตั้งครรภ์ก็ไม่เว้นเพคะ”
หญิงตั้งครรภ์!!
พระชายารองหวู่พึ่งจะประกาศว่าตั้งครรภ์ไม่นาน คิดไม่ถึงว่าชาวบ้านจะรู้ข่าวไวขนาดนี้ แค่คืนเดียว ก็ทะลุปรุโปร่งเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นในวังแล้ว
ถ้าบอกเบื้องหลังไม่มีคนช่วย เธอคงไม่เชื่อ
ดูเหมือนว่า......มีคนต้องการจะลงมือกับเธอแล้วสินะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...