ที่แท้อาณาบริเวณที่เธอเคยอยากซื้อ เป็นของท่านอ๋องหรง
เสียดายที่เธอเคยคุยโวต่อหน้าเขา ว่าจะต้องซื้อหอหลิวเหยียนนี้มาให้ได้
ตอนนี้พอนึกถึง ในใจเขาตอนนั้นคงหัวเราะเธอเป็นแน่
“ไม่มีปัญหา วันนี้ข้าจะไปหอหลิวเหยียนสักหน่อย แม่นมซั่ง เจ้าพาเด็กสองคนกลับไปเล่นที่จวนติ้งเป่ยโหวก่อน รอข้าจัดการงานเสร็จ จะไปรับเด็กๆที่จวนติ้งเป่ยโหวอย่างแน่นอน” ไป๋ชิงหลิงลูบศีรษะไป๋ชงเซิงอย่างอ่อนโยน:“กลับไปอยู่เป็นเพื่อนท่านปู่ที่จวนโหวก่อนนะลูก ท่านปู่ก็ไม่ได้เจอพวกลูกนานแล้ว”
“เพคะ ข้าจะพาจิ่งหลินไปเจอท่านปู่เอง ข้าจะบอกท่านปู่ว่า ท่านปู่ได้เป็นท่านปู่ของเด็กถึงสองคนแล้ว” ไป๋ชงเซิงจูงมือหรงจิ่งหลิน แล้วพูดด้วยความดีใจ
สีหน้าของแม่นมซั่งเปลี่ยนไป สำหรับปัญหาเรื่องการเรียกชื่อนี้ เธอต้องหาโอกาสแก้ไขให้ถูกต้องสักหน่อย
เธอต้องถามท่านอ๋องก่อน ว่าแซ่ขององค์หญิงน้อยนั้นเปลี่ยนได้ไหม
ไป๋ชิงหลิงไม่รู้ว่าแม่นมซั่งกำลังคิดมากเรื่องนี้ หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ เธอก็ให้ชิงอีอยู่เป็นเพื่อนเด็กๆที่จวนติ้งเป่ยโหว ส่วนตนเองนั้นให้จื่ออีกับพ่อบ้านฉี รวมถึงอิงเหลียนออกจากจวนท่านอ๋องด้วยกัน
มาถึงหอหลิวเหยียน พอไป๋ชิงหลิงกำลังจะออกมาจากรถม้า ก็เห็นเงาใครคนหนึ่งเดินออกมาจากหอหลิวเหยียนทันที
พ่อบ้านฉีเห็นร่างเงานั้น ก็พูดเสียงเบา:“นั่นพระชายารองหวู่ไม่ใช่หรือ?”
จื่ออีก็พูดเช่นกัน:“ทำไมนางถึงมาที่นี่ได้? หรือว่าป่วยงั้นพรือเพคะ?”
สายตาของไป๋ชิงหลิงอึมครึมลง เหยียบที่นั่งแล้วลงมาจากรถม้า
และในเวลานี้ เสิ่นหรูเหลียนก็วิ่งออกมาจากหอหลิวเหยียนอย่างรีบร้อน แต่วินาทีที่เห็นว่าไป๋ชิงหลิงยืนอยู่หน้าประตูขอหอหลิวเหยียนนั้น
ฝีเท้าของเสิ่นหรูเหลียนก็หยุดเอาดื้อๆ มองไป๋ชิงหลิงแล้วพูด:“พระชายาหรง!”
“แม่ทัพเสิ่น ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?” ไป๋ชิงหลิงขมวดคิ้ว หลังจากที่ถาม ก็หันไปมองทางพระชายารองหวู่
พระชายารองหวู่ขึ้นรถม้าออกไปแล้ว......
ระยะเวลาที่พระชายารองหวู่กับเสิ่นหรูเหลียนออกมานั้นไม่ห่างกันมาก หรือว่า......
พวกเขาทั้งสองคุยเรื่องสำคัญอะไรกันที่หอหลิวเหยียนงั้นเหรอ หรือว่า......เสิ่นหรูเหลียนกำลังเค้นความจริงเรื่องเมื่อคืนกับพระชายารองหวู่?
ว่าตามนิสัยของเสิ่นหรูเหลียน เกรงว่าทำลงไปแล้วน่ะสิ
สายตาของเสิ่นหรูเหลียนมองไปยังทิศทางที่พระชายารองหวู่จากไป กำหมัดแล้วพูด:“กระหม่อมมีเรื่องคุยกับพระชายารองหวู่พ่ะย่ะค่ะ”
“ในสถานที่แบบนี้?” นี่ไม่ใช่โรงน้ำชาเสียหน่อย
เสิ่นหรูเหลียน:“บังเอิญพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมารักษาอาการป่วยที่นี่ ส่วนพระชายารองหวู่มาฝากครรภ์”
“ร่างกายแม่ทัพเสิ่นมีปัญหางั้นหรือ ไม่สบายตรงไหน?” ไป๋ชิงหลิงกวาดสายตามองทั้งร่างกายเขา
เสิ่นหรูเหลียนเม้มริมฝีปาก แต่ก็ไม่ได้ปิดบัง:“ก็แค่อาการเก่ากำเริบ ไม่ได้เป็นอะไรมากพ่ะย่ะค่ะ พระชายามาที่นี่เพราะไม่สบายเหมือนกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ไม่ใช่!” ไป๋ชิงหลิงมองไปรอบๆ คนที่มาหอหลิวเหยียนนั้นก็ไม่ใช่น้อยๆ ที่นี่คงไม่เหมาะแก่การพูดคุย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...