พูดจบ ไป๋ชิงหลิงก็พูดเพิ่มอีกประโยค:“วันนี้เจ้ามาพูดคุยกับพระชายารองหวู่ที่นี่ เพื่อยืนยันว่านางคิดจะขอโทษข้าจริงๆ หรือแสร้งทำไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นเจ้ายืนยันไหมล่ะ?”
เสิ่นหรูเหลียนถูกเธอถามเช่นนี้ ก็นิ่งเงียบสนิท
เขาเหลือบมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาอย่างอึ้งๆ
วันนี้เธอไม่ได้พกผ้าคลุมหน้ามาด้วย บนหน้าก็ไม่ได้แต่งหน้าเติมแป้งอะไรมากมาย แต่ใบหน้านั้นกลับขาวเนียนละเอียดราวกับทาแป้งเพิ่ม นัยน์ตาสดใส
มองจนเขาพูดไม่ออก
ลูกกระเดือกเขาเคลื่อนไหวอยู่หลายครั้ง เลยหยิบแก้วชาขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง:“ข้าเห็นนางเติบโตมาตั้งแต่ข้าอายุยังน้อย มองนางเหมือนเป็นน้องสาว ก่อนที่พี่ชายนางจะออกจากเมืองหลวง ก็ฝากให้ข้าช่วยดูแล ในเมื่อนางพูดเช่นนี้ ก็คง......อยากจะไปขอโทษพระชายาหรงจริงๆพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงหลิงหัวเราะเยาะเบาๆ:“แม่ทัพเสิ่นไม่ได้เจอพระชายารองหวู่มากี่ปีแล้ว?”
อึก......
คำถามนี้ทำเอาเสิ่นหรูเหลียนไปไม่เป็น
เขาพึ่งจะกลับเมืองหลวงมาสองปี ยิ่งตอนนั้นมีข่าวลือว่าอาการบ้าของพระชายารองหวู่กำเริบ ถูกส่งเข้าเรือนวิปลาสอีก
เขาเพียงแค่มาเยี่ยมเธอ ได้พูดคุยกับเธอเพียงแค่ไม่กี่ครั้งเอง
“แล้วนี่มีปัญหาอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ปัญหาก็อยู่ที่ เวลาเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน พระชายารองหวู่ที่เจ้ารู้จักในตอนเด็ก อาจจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้วก็ได้ แม้แต่ตัวเจ้าเองยังไม่แน่ใจเลยว่านางอยากจะขอโทษข้าจริงๆหรือเปล่า”
“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นหรูเหลียนกำแก้วชาแน่น ไม่ว่าใครเขาก็ไม่เชื่อว่าหวู่ไหวเมิ่งกลายเป็นคนไม่ดีไปแล้ว ในสายตาเขานางก็คือน้องสาวที่จิตใจดีมาตลอด
และไป๋ชิงหลิงก็มองเห็นถึงความมั่นใจ ความยืนหยัดในแววตาของเขา
เธอหรี่ตาลงทั้งสองข้าง แล้วถามกลับ:“เช่นนั้นถ้าหากว่า......พระชายารองหวู่มีคำพูดที่ปิดบังไว้ หรือว่าถูกคน......ขู่บังคับล่ะ?”
เสิ่นหรูเหลียนกลอกตาไปมาเล็กน้อย จู่ๆในสมองก็เกิดสั่นคลอน นึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาทันที
มีแค่คนคนนั้นที่ขู่บังคับเธอได้
“แม่ทัพเสิ่น บอกสิ่งที่เจ้ารู้มาให้ข้าฟังได้หรือไม่ สำหรับข้าแล้วมันสำคัญมาก ตอนนี้ข้าเหมือนตกลงไปในหลุม แถมยังไม่รู้จุดประสงค์ของคนร้ายอีกด้วย” ไม่ใช่เธอไม่เชื่อเสิ่นหรูเหลียน เพียงแต่กลัวว่าเสิ่นหรูเหลียนจะเชื่อใจผิดคน
เธอไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับพระชายารองหวู่ ฉะนั้นเธอไม่มีเหตุผลที่ต้องจัดการนาง
จะว่าไป เธอควรเป็นผู้มีพระคุณของพระชายารองหวู่ด้วยซ้ำ ถ้าหากไม่มีเธอตรวจชีพจรและแก้ปัญหาอาการป่วยให้นาง เด็กในท้องนางคงไม่มีทางรอด
เสิ่นหรูเหลียนลังเล:“ตอนนี้กระหม่อมเพียงแค่คาดเดา พระชายาให้เวลากระหม่อมอีกหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
พูดจบ เขาก็หยิบดาบที่วางไว้ด้านข้าง แล้วลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว คำนับทำความเคารพไป๋ชิงหลิง แล้วออกไปอย่างรีบร้อน
เขาต้องไปยืนยันเรื่องหนึ่ง
คำพูดของไป๋ชิงหลิงได้เตือนสติเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...