สีหน้าของหงเหนียงเปลี่ยนไปด้วยความโกรธ:“ข้าน้อยจะไปพูดเองเพคะ”
“เจ้าไปเรียกไป๋เสี่ยวฮุ่ยมา บอกนางว่า ข้าจะรอนางที่รถม้า”
“เพคะ” หงเหนียงรีบเดินไปยังห้องที่สามชั้นสอง ไป๋ชิงหลิงกับจื่ออีเดินออกจากโรงหมอ
ส่วนพ่อบ้านฉีอยู่ที่นี่ต่อ
หลังจากที่ไป๋ชิงหลิงขึ้นรถม้าได้ไม่นาน ไป๋หมิงฮุ่ยมองขึ้นไปบนรถม้าด้วยนัยน์ตาสองข้างที่แดงก่ำ แต่หลังจากที่ขึ้นรถม้าไปแล้ว ไป๋หมิงฮุ่ยกลับยืนค้างอยู่ไม่กล้าเข้าไปนั่ง
เธอปาดน้ำตาที่หางตา แล้วทำความเคารพไป๋ชิงหลิง:“ข้าน้อยถวายบังคมพระชายาเพคะ”
“นั่งสิ”
“ขอบพระทัยเพคะพระชายา” ไป๋หมิงฮุ่ยนั่งลงเบาๆ
ไป๋ชิงหลิงสังเกตไป๋หมิงฮุ่ยตั้งแต่บนลงล่าง
เธอแต่งกายธรรมดา บนมวยผมก็ปักปิ่นไม้ที่ดูราคาถูก ส่วนข้อมือกับคอไม่ได้ใส่เครื่องประดับใดๆอยู่เลย
ดูท่าทางก็เหมือนหญิงสาวธรรมดาที่เดินออกมาจากกลุ่มชาวบ้านทั่วไป
สายตาของเธอมองไปที่ใบหน้าของไป๋หมิงฮุ่ย ใบหน้าเล็กๆที่ขาวผ่องนั้น มีรอยแดงจากการโดนฝ่ามือตบ น้ำตายังคงคลออยู่ในเบ้า แต่นางก็รีบเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว
คิดจะไม่ให้คนสงสารนั้นคงยาก
“หมิงฮุ่ย” ไป๋ชิงหลิงเรียกเบาๆ
ไป๋หมิงฮุ่ยนั่งหลังตรงขึ้นมาทันที สีหน้าตึงเครียด:“พระชายา อย่าไล่ข้าน้อยไปเลยนะเพคะ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ความเชื่อใจและคำสั่งของพระชายาเสียเปล่าแน่นอนเพคะ จะตั้งใจเรียนวิชาแพทย์”
“ใครบอกจะไล่เจ้ากัน” ไป๋ชิงหลิงมองเธอที่ท่าทางระมัดระวัง แล้วยื่นมือไปจับมือของไป๋หมิงฮุ่ย
ไป๋หมิงฮุ่ยพึ่งจะอายุสิบสาม เทียบในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อายุสิบสามยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งอยู่เลย
ไป๋หมิงฮุ่ยก้มหน้ามองมือของไป๋ชิงหลิง ใบหน้าแดงระเรื่อ:“ข้าเป็นคนโง่ มาที่โรงหมอได้ครึ่งปีแล้ว แม้แต่ยาสมุนไพรก็ยังแยกแยะไม่ได้”
“อาจารย์ของเจ้าชื่ออะไร?”
“อวิ๋นมู่เอ๋อร์เพคะ”
“ปกตินางสอนเจ้ายังไง เคยวิเคราะห์ความรู้ทางทฤษฏีของยาสมุนไพรให้เจ้าฟังหรือไม่”
ไป๋หมิงฮุ่ยเงยหน้าขึ้นมาทันที มองไป๋ชิงหลิงด้วยสีหน้างงงวย
ไป๋ชิงหลิงเห็นเช่นนี้ ก็เปลี่ยนวิธีการพูด:“นางได้บอกเจ้าหรือไม่ ถึงสรรพคุณของสมุนไพรไป๋จู๋กับไป๋จื่อ”
“นี่…...ไม่ได้บอกเพคะ”
“เช่นนั้นนางให้ตำราเจ้าหรือไม่?”
“ตำราของหมอหญิงอวิ๋นเป็นของบรรพบุรุษ นางบอกให้ข้าน้อยดูไม่ได้เพคะ ไม่เช่นนั้นจะเท่ากับฉีกกฎของบรรพบุรุษ แล้วกรรมจะตามสนองนางเพคะ แต่หมอหญิงอวิ๋นบอกว่าจะตั้งใจสอนข้าน้อย” ไป๋หมิงฮุ่ยเป็นแค่เด็ก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่อวิ๋นมู่เอ๋อร์พูดนั้นมีแต่คำโกหก หลอกลวงนางมาตลอด
และในตอนที่ไป๋ชิงหลิงได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็เข้าใจความคิดว่าอวิ๋นมู่เอ๋อร์ได้ในทันที
เธอเดิมทีก็ไม่ได้ตั้งใจสอนไป๋หมิงฮุ่ย เลยเป็นสาเหตุให้ไป๋หมิงฮุ่ยเรียนมาครึ่งปี แต่ยังคงแยกแยะยาสมุนไพรไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...