โรงน้ำชา
หญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่าง เพียงแต่หน้าต่างนั้นปิดไว้อยู่
ในมือเธอรินน้ำชา แล้วจิบเพียงไม่กี่คำ
ฟังหญิงชราที่นั่งอยู่ตรงข้ามพูด
หญิงสาวหยิบแท่งเงินหนึ่งแท่งออกมา วางไว้บนโต๊ะ
หญิงชรารีบหยิบแท่งเงินนี้ไป แล้วรินกาน้ำชาบนโต๊ะ เก็บรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของตนเอง จากนั้นจึงหมุนตัวแล้วเดินออกจากห้องน้ำชาไป
รอจนหญิงชราเดินไปแล้ว นางกำนัลที่ยืนอยู่ด้านหลังก็พูดเสียงเบาๆออกมา:“พระชายา จะให้เรียกคนไหมเพคะ......”
เธอใช้คอเป็นท่าทางในการพูด
หวู่ซือหลิงหรี่ตาทั้งสองข้าง แล้วพูด:“จัดการให้เรียบร้อย อย่าให้ใครรู้”
“เพคะ” นางกำนัลหมุนตัว แล้วเดินออกจากโรงน้ำชา
ส่วนแมวดำที่นอนแอบอยู่บนคานของห้องในโรงน้ำชา ก็กระโดดลงมาบนพื้นอิฐ แล้วเดินกลับไปยังจวนติ้งเป่ยโหว ไปหาไป๋ชงเซิง
ไป๋ชงเซิงกับหรงจิ่งหลินกำลังเล่นกับเสวี่ยหลางอยู่ในเรือน
ทั้งสามเห็นว่าเป่าลี่ว์กลับมา ก็รีบเดินเข้ามาหาทันที
เป่าลี่ว์กระโดดขึ้นไปบนหลังของเสวี่ยหลาง แล้วร้อง“เมี๊ยว”
ไป๋ชงเซิงกะพริบตาเพียงไม่กี่ครั้ง แล้วพูด:“เมื่อครู่เจ้าไปเจอคนรู้จักที่โรงน้ำชามางั้นหรือ?”
“เมี๊ยว~”
“เมี๊ยว~”
“เมี๊ยวๆๆๆ~” เป่าลี่ว์“เมี๊ยว”ไปด้วย แสดงออกทางสีหน้าไปด้วย ขณะที่แมวร้อง อุ้งมือทั้งสองข้างก็ใช้แรงเกาไปที่หลังของเสวี่ยหลางด้วย
เสวี่ยหลางยืดหลังตรง จะขยับก็ไม่ขยับ ส่วนตาทั้งสองข้างก็กลอกไปมาไม่หยุด
สีหน้าของไป๋ชงเซิงหนักใจ หรงจิ่งหลินฟังความหมายที่เป่าลี่ว์สื่อไม่ออก แถมยังเห็นสีหน้าหนักใจของไป๋ชงเซิงอีก เขาเลยถาม:“เซิงเอ๋อร์ เป่าลี่ว์พูดว่าอะไร?”
ไป๋ชงเซิงกระซิบข้างหูหรงจิ่งหลิน พูดความหมายที่เป่าลี่ว์สื่อ ไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว
หลังจากที่หรงจิ่งหลินได้ฟัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที:“พระชายาหราวคนนี้ ช่างน่า......”
“ชู่ว์” ไป๋ชงเซิงยกนิ้วขึ้นมา แตะไปที่ริมฝีปากของหรงจิ่งหลิน เหลือบสายตาไปมองแม่นมซั่งที่นั่งมองทั้งสองอยู่ในเรือน แล้วพูดเสียงเบา:“พวกเราต้องออกไปข้างนอก ต้องไปห้ามหญิงชั่วคนนั้นไม่ให้ลงมือฆ่าผู้หญิงคนนั้น”
“แต่พวกเราสองคนจะทำอะไรได้ คนที่สามารถทำได้มีแต่คนที่วรยุทธ์สูงส่ง” หรงจิ่งหลินขมวดคิ้วพูด หลังจากนั้นก็เห็นชิงจู๋กับซังจวี๋เดินจากประตูเข้ามาพอดี สายตาเขาสว่างขึ้น เหมือนว่าจะนึกอะไรออก:“ข้ารู้แล้ว น้องสาว เรื่องนี้พวกเราสามารถใช้คนให้ไปทำได้”
“จริงด้วย ข้าไปพูดเอง” ไป๋ชงเซิงคิดเหมือนกันกับหรงจิ่งหลิน
เธอหมุนตัว แล้วรีบเดินไปยังซังจวี๋และชิงจู๋
ทั้งสองคนคำนับให้พวกเขา:“ข้าน้อยคารวะองค์หญิงน้อย ซื่อจื่อน้อยเพคะ”
ไป๋ชงเซิงเดินเข้าไป ดึงมือของชิงจู๋และซังจวี๋ไว้:“พี่สาวทั้งสอง ข้ามีของบางอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี พวกพี่เข้าไปดูในห้องกับข้าหน่อยสิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...