หลังจากที่ทั้งสองคนได้ยิน ก็ไม่ได้แปลกใจ
เพราะยังไงซะ ก่อนที่ไป๋ชิงหลิงจะมาก็ได้คิดไว้บ้างแล้ว แต่กลับไม่คิดว่าพระชายาหราวจะเป็นคนจิตใจอำมหิตที่ชอบแทงข้างหลัง
“นางกำนัลคนนั้นที่อยู่กับพระชายาหราว แต่เดิมมีอาชีพเป็นมือสังหาร ซังจวี๋กับชิงจู๋รับมือไม่ไหวหรอก” หรงเยี่ยพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สายตาเผยให้เห็นไอพิฆาต เหลือบมองไปยังร่างทั้งสองที่อยู่นอกประตู:“อิงเหลียน”
ด้านนอกประตูมีเสียงของอิงเหลียนดังมา:“เพคะ ข้าน้อยอยู่นี่”
“ไปตามหาแมว”
“เพคะ!” อิงเหลียนหมุนตัวแล้วเดินออกไป
ไป๋ชิงหลิงรับรู้ได้ถึงไอพิฆาตที่เผยออกมาจากหรงเยี่ย:“ท่านจะฆ่าคนที่อยู่ข้างกายพระชายาหราว”
ริมฝีปากของหรงเยี่ยกระตุกขึ้น มือแตะไปที่ใบหน้าของไป๋ชงเซิง ลูบเบาๆแล้วพูด:“ก็แค่เตือนน่ะ”
“แต่การเตือนเช่นนี้ ก็แค่เตือนฝั่งพระชายาหราวไม่ใช่หรือเพคะ ไม่ได้ห้ามให้นางลงมือกับพวกเรา จุดประสงค์ของนางแน่ชัดแล้วว่าต้องเป็นจวนอ๋องหรง คงจะคิดว่า......ตอนนี้ขาทั้งสองของท่านเป็นเช่นนี้ เลยต่อกรกับข้าง่าย” ไป๋ชิงหลิงกวาดสายตามองขาของเขาแล้วพูดอย่างเรียบเฉย
“พระชายามีความคิดอื่นงั้นหรือ”
เธอเดินมาตรงหน้าเขา นั่งลง มือทั้งสองจับที่เข่าของเขา:“มีเพคะ ตอนที่เห็นหวู่โป๋หย่วนในห้องของท่าน ข้าก็คาดเดาวิธีการของอีกฝ่ายได้แล้ว เรื่องนี้ให้ข้าจัดการก็พอเพคะ”
หรงเยี่ยก้มตามองเธอ นิ้วที่เรียวยาวเชยคางเธอขึ้น“ได้”
ได้รับคำอนุญาตจากเขา ไป๋ชิงหลิงก็พยักหน้า แล้วให้อิงซาตามอิงเหลียนไป พร้อมกำชับอิงซา ส่งหญิงชรานั่นไปที่หอหลิวเหยียน
หลังจากที่อิงซาเดินไปแล้ว เธอก็หันกลับมา:“ข้าต้องกลับไปที่หอหลิวเหยียนอีกรอบเพคะ”
“ข้าจะไปกับเจ้า” ในมือของหรงเยี่ยยังอุ้มเซิงเอ๋อร์อยู่ เขาก้มหน้ามองเด็กๆ แล้วพูด:“พาลูกไปด้วย”
“เพคะ” ไป๋ชิงหลิงเข็นเขาออกจากห้อง
ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดออกมาอย่างรวดเร็ว ทำตามคำพูดที่ไป๋ชิงหลิงพูดออกมา เข็นหรงเยี่ยออกจากจวนติ้งเป่ยโหว
วินาทีที่หรงเยี่ยเหยียบหอหลิวเหยียนนั้น ทำให้ผู้คนตกใจไม่น้อย......
หงเหนียงที่รู้มาตลอดว่าหรงเยี่ยคือเจ้าของของที่นี่ ทุกครั้งที่ยืนต่อหน้าเขา เธอมักจะรู้สึกว่าหอหลิวเหยียนหนาวขึ้นมาทันที
และวันนี้เป็นครั้งแรกที่หรงเยี่ยปรากฏต่อหน้าผู้คนด้วยภาพลักษณ์ที่เขานั่งอยู่บนรถเข็น
แต่ถึงแม้ว่าเป็นเช่นนี้ ชื่อเสียงเกียรติยศและความหนาวเหน็บที่มาจากร่างของเขานั้น ยังคงไม่ลดน้อยลง ถึงขนาดว่า หน้าตาที่ซูบผอมของเขา ยังคงเพิ่มความเย็นชามากขึ้นไปอีก
บรรดาหมอหญิงรีบมารวมตัว แล้วทำความเคารพพร้อมกับหงเหนียง:“ถวายบังคมท่านอ๋องหรง พระชายาหรงเพคะ”
“ลุกขึ้น” หรงเยี่ยพูดออกมาคำเดียวสั้นๆ
บรรดาหมอหญิงก็ค่อยๆลุกขึ้น
อวิ๋นมู่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่หน้าสุดในบรรดาหมอหญิง เหลือบตาขึ้นมองหรงเยี่ยอย่างระมัดระวัง ความสง่าและหน้าตาหล่อเหลาของเขาเป็นสิ่งที่บรรดาหมอหญิงในหอหลิวเหยียนได้แต่เฝ้ามองแต่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้
ตอนนี้เขานั่งอยู่บนรถเข็น กลับทำให้อวิ๋นมู่เอ๋อร์คิดว่า เขามีชีวิตชีวาขึ้นเยอะ
ไม่ได้มีความรู้สึกว่ายืนอยู่บนยอดเขา น่าเกรงขามจนผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้เหมือนแต่ก่อน
ไป๋ชิงหลิงไม่ได้สนใจความคิดของอวิ๋นมู่เอ๋อร์ เธอรีบจัดห้องฉุกเฉินให้เรียบร้อย:“หงเหนียง ข้าต้องการห้องผ่าตัดที่สะอาดห้องหนึ่ง เอาห้องที่อยู่ชั้นแรก เจ้ารีบหามาให้ข้า อีกเดี๋ยวจะมีผู้ป่วยบาดเจ็บหนักมารักษา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...