ชิงอีมีแรงเยอะ ยื่นมือไปจับแขนของอวิ๋นมู่เอ๋อร์ แล้วดันเธอออกไปด้านนอก
เสียง“เอี๊ยดอ๊าด”จากประตูดังมา อวิ๋นมู่เอ๋อร์กระเด็นออกมาจากด้านใน และในจังหวะที่กระเด็นไปนั้น อาการคลื่นไส้ที่กระเพาะก็พุ่งขึ้นสูงไปถึงสมอง หลังจากนั้นก็อาเจียนออกมา
บรรดาหมอหญิงนิ่งอึ้งด้วยความตกใจ
ตอนที่อวิ๋นมู่เอ๋อร์เข้าไปนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำพองใจ แต่พอตอนออกมาใบหน้ากลับซีดเผือด ราวกับคนที่ป่วยหนัก ไร้เรี่ยวแรงไปทั้งร่าง
สีหน้าของหงเหนียงเปลี่ยนไป:“รีบพยุงนางขึ้นมา”
ไป๋หมิงฮุ่ยเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไปพยุงอวิ๋นมู่เอ๋อร์
อีผิงถิงเข็นเก้าอี้มา ให้อวิ๋นมู่เอ๋อร์นั่งลง หมอหญิงอีกคนก็ไปรินน้ำอุ่น ส่งให้อวิ๋นมู่เอ๋อร์
แต่อวิ๋นมู่เอ๋อร์กินอะไรไม่ลง แม้แต่น้ำก็ยังรู้สึกพะอืดพะอม จนอาเจียนออกมาเป็นน้ำย่อยลงในแก้วน้ำ
“อุ๊แหวะ!”
หรงเยี่ยกวาดสายตามองเธออย่างเย็นชา หงเหนียงเห็นสีหน้าของเขาแล้ว กลัวจนใจเต้น“ตึกตัก”มั่วไปหมด เลยเรียกคนมาพยุงอวิ๋นมู่เอ๋อร์ไปที่ห้อง
คนข้างๆถามอวิ๋นมู่เอ๋อร์ว่าเห็นอะไรเข้า อวิ๋นมู่เอ๋อร์ก็อาเจียนออกมาอีก
ก็เลยไม่มีใครกล้าถามอีก
แต่อวิ๋นมู่เอ๋อร์นั้นมั่นใจอย่างมากว่าไป๋ชิงหลิงไม่มีทางช่วยผู้ป่วยเช่นนั้นได้ ผู้ป่วยที่ลำไส้ขาด จะช่วยชีวิตกลับมาได้อย่างไร
และในขณะเดียวกันไม่เพียงไม่เชื่อมั่นในไป๋ชิงหลิง เธอยังโทษไป๋ชิงหลิงอีกที่ให้คนลากเธอออกมา
ทำให้เธอขายหน้าต่อหน้าบรรดาหมอหญิง
นางให้เธออาเจียนในห้องผ่าตัดไม่ได้หรือไง?
เธอคิดว่านางตั้งใจ พระชายาหรงคนนี้แผนการเยอะนัก
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ไป๋ชิงหลิงถอดเสื้อผ้าปลอดเชื้อออก แล้วเดินออกมาจากด้านใน
เด็กทั้งสองคนเดินเข้าไป คนหนึ่งส่งน้ำให้เธอ อีกคนส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธอ
ไป๋ชิงหลิงก้มหน้ามองพวกเขาทั้งสองคน มุมปากกระตุกยิ้มขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มเอ็นดู:“ขอบใจจ้ะ”
“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่” หรงจิ่งหลินพูด
มือทั้งสองของไป๋ชงเซิงยกแก้วน้ำขึ้น:“ท่านแม่ น้ำจะเย็นหมดแล้ว ท่านแม่ดื่มก่อนสิเพคะ”
“จ้ะ” เธอรับของที่เด็กทั้งสองให้ ดื่มน้ำ แล้วเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก
ความยากในการผ่าตัดถือว่าค่อนข้างสูง เพราะยังไงซะชิงอีกับจื่ออีก็ไม่เหมือนกับลี่ว์อี ที่สามารถช่วยเธอลงมือได้ สนับสนุนเธอได้
ทุกขั้นตอนในการผ่าตัด ล้วนเป็นเธอที่จัดการคนเดียว ชิงอีก็แค่รับผิดชอบช่วยเช็ดเหงื่อให้เธอ ส่วนจื่ออีก็รับผิดชอบหยิบจับเครื่องมือผ่าตัด
เธอต้องรีบฝึกอบรมเด็กที่มีความสามารถด้านนี้ให้เร็วที่สุด
ดื่มน้ำเสร็จ ไป๋ชิงหลิงก็มองไปทางหรงเยี่ย
เขานั่งอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ในมือถือแก้วน้ำชา สายตามองมาที่เธอด้วยความอ่อนโยน ในตอนที่เธอมองมานั้น คิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากยกขึ้น......
แต่ก็ไม่ได้เข้าไปเกาะติดเธอทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...