ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 307

หน้าตาเธอไม่นับว่าสวยจนตกตะลึง แต่ก็มีความเป็นผู้หญิงอยู่บ้าง ทว่าเวลาร้องไห้กลับสวยกว่าเวลาที่ไม่ร้อง

อวิ๋นมู่เอ๋อร์ร้องไห้สะอึกสะอื้น:“ปะ......เปล่านะเพคะ”

ชิงอีพูดด้วยความโมโหอย่างมาก:“เข้าไปในห้องผ่าตัด จะอาเจียนออกมาตามใจชอบได้อย่างไร นี่เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่สุดที่หน่วยพยาบาลในห้องผ่าตัดควรมี พระชายาให้เจ้าออกไป หนึ่งเพื่อช่วยชีวิตคน สองเพื่อช่วยชีวิตคน และสามก็เพื่อช่วยชีวิตคนเหมือนกัน พระชายาเคยพูดกับเหล่านางกำนัล เข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว ช่วยชีวิตคนสำคัญที่สุด ถ้าสิ่งสกปรกที่เจ้าอาเจียนออกมาไปโดนร่างกายผู้ป่วย กระทบต่อขั้นตอนการผ่าตัด ทำให้ผู้ป่วยเสียช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการพ้นขีดอันตราย เจ้าแบกรับไหวหรือ?”

ทุกคนต่างก็ตกใจ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

ก่อนหน้านี้ถามอวิ๋นมู่เอ๋อร์ ให้ตายยังไงเธอก็ไม่พูด ที่แท้ก็เพราะอาเจียน

มิน่าล่ะหลังจากที่เธอถูกดันออกมาจาก“ห้องผ่าตัด” ก็อาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย

จื่ออีกลับไม่ได้ระเบิดลงเท่าชิงอี เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย:“ชิงอีพูดถูก คนที่ทำการผ่าตัดกับพระชายา จะมีข้อผิดพลาดเช่นนี้ไม่ได้ การผ่าตัดต้องอยู่ในห้องที่ทำการฆ่าเชื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ของในปากเจ้ามีเชื้อโรค ทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ”

อวิ๋นมู่เอ๋อร์ฟังจบ สีหน้าก็แดงขึ้นกว่าเดิม

เดิมทีเธอแค่ต้องการเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของไป๋ชิงหลิงต่อหน้าทุกคน ทำให้ทุกคนได้รู้ ว่าไป๋ชิงหลิงก็ไม่ได้ดีเลิศอะไร

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า“การผ่าตัด”มีรายละเอียดยิบย่อยขนาดนั้น

แต่อวิ๋นมู่เอ๋อร์ก็ยังคงไม่เชื่อคำพูดของชิงอีและจื่ออี เธอคิดว่าไป๋ชิงหลิงเป็นคนให้นางกำนัลสองคนนี้มาทำให้เธออับอายขายหน้า

“เป็นเช่นนี้…...จริงๆหรือเพคะ?” อวิ๋นมู่เอ๋อร์มองไปทางไป๋ชิงหลิง สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม

ไป๋ชิงหลิงพูดด้วยสีหน้าเยือกเย็น:“เจ้าไม่จำเป็นต้องสงสัยนางกำนัลทั้งสองของข้า ข้าถามเจ้ากลับ ถ้าเจ้าเป็นแพทย์ที่ทำการผ่าตัด หลังจากที่ผ่าท้องของผู้ป่วยให้เปิดออก แล้วดึงลำไส้ของผู้ป่วยออกมา จากนั้นก็อาเจียนลงบนร่างกายของผู้ป่วย มันเรื่องปกติงั้นหรือ?”

อุก......

พออวิ๋นมู่เอ๋อร์ได้ยินคำว่า“ลำไส้”สองคำนี้ ก็คลื่นไส้ขึ้นมาอีกครั้ง

บรรดาหมอหญิงที่อยู่ด้านข้าง ขณะที่กำลังฟังคำพูดของไป๋ชิงหลิง ของเหลวในกระเพาะก็เหมือนจะตีกลับขึ้นมา

อีผิงถิงกลับตอบคำถามแทนอวิ๋นมู่เอ๋อร์ด้วยสีหน้าที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม:“แน่นอนว่าไม่สามารถให้สิ่งสกปรกจากการอาเจียนโดนร่างกายผู้ป่วยเพคะ เช่นนั้นจะช่วยชีวิตคนอย่างไร”

ไป๋ชิงหลิงมองไปที่อีผิงถิงด้วยสายตาชื่นชม สีหน้าอบอุ่นไม่น้อย แล้วพูด:“ต่อให้ไม่ได้อาเจียนโดนตัวผู้ป่วย ต่อให้เจ้าอาเจียนลงบนพื้นก็ไม่ได้เช่นกัน ข้าเคยให้โอกาสเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องมาร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าทุกคน แล้วพูดให้ทุกคนคิดว่าข้ารังแกเจ้าหรอก”

“เจ้าไม่มีอะไรที่ควรค่าพอจะให้ข้ารังแกเลยสักนิด ในสายตาข้า เจ้าก็แค่หมอหญิงที่ทำงานที่หอหลิวเหยียน ไม่แตกต่างอะไรกับหมอหญิงคนอื่นๆ ถ้าเจ้ายินยอมจะอยู่ที่โรงหมอ ก็ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี ถ้าเจ้าไม่ยินยอม โรงหมอก็ไม่บีบบังคับเจ้า”

พูดจบ ไป๋ชิงหลิงก็จูงมือเด็กทั้งสอง เดินผ่านร่างของอวิ๋นมู่เอ๋อร์ไป

หงเหนียงเรียกคนให้มาลากอวิ๋นมู่เอ๋อร์ออกไป

หรงเยี่ยไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกมา แต่มีความคิดอยู่นานแล้ว

หอหลิวเหยียนของเขา ไม่ต้องการหมอหญิงเช่นนี้

หลังจากที่ช่วยชีวิตหญิงชรากลับมาได้ ไป๋ชิงหลิงกับหรงเยี่ยก็ออกจากหอหลิวเหยียนทันที

หรงเยี่ยไม่วางใจ เลยส่งทหารองครักษ์เหยี่ยวดำสี่นายไปคอยเฝ้าสังเกตการณ์

หลังจากที่ขึ้นรถม้า ไป๋ชงเซิงก็พูดด้วยความโกรธ:“เมื่อครู่ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่มองที่เสด็จพ่อตลอดเลยเพคะ”

อะไรนะ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น