“จริงด้วย ท่านรู้ได้อย่างไรว่าพระชายารองหวู่ขัดแย้งกับพระชายาหรง เล่าออกได้มาราวกับอยู่ในเหตุการณ์ยังไงอย่างงั้น”
หวู่ซือหลิงเห็นว่าคนเล่านิทานร้องเรียกตนเองว่าเป็นพระชายาหรง แถมยังมีคำนินทาของคนด้านนอกพวกนั้น ทำให้สีหน้าเธอเริ่มไม่ดีแล้ว
ไป๋ชิงหลิงเลิกคิ้วขึ้น
อิงเหลียนเห็นเช่นนี้ ก็ยื่นมือไปจับคนเล่านิทานไว้ แล้วผลักไปทางไป๋ชิงหลิง พูดด้วยความโมโห:“เบิกตาสุนัขของเจ้าดูซะ พระชายาของพวกเราอยู่นี่”
คนเล่านิทานเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงแค่ตรงหน้ามีสาวสวยในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าน้ำแข็งยืนอยู่
สายตาเธออ่อนโยน เผยรอยยิ้มเบาๆบนใบหน้า ดูท่าทางเป็นคนที่จิตใจดีคนหนึ่ง แต่ว่า กลับมีพลังอำนาจแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายเธอ ทำให้คนเล่านิทานตกใจจนต้องโขกศีรษะอย่างรุนแรง
“พระชายาหรง ไม่ใช่กระหม่อมที่ต้องการเล่าเรื่องพระชายานะพ่ะย่ะค่ะ”
“มีคนให้เงินเจ้าเพื่อเล่าเรื่องข้าใช่หรือไม่” ไป๋ชิงหลิงถาม
คนเล่านิทานรีบพยักหน้าทันที:“ใช่ ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นใช่คนข้างๆเจ้าหรือไม่” ไป๋ชิงหลิงเหลือบสายตาไปมองหนิงซื่อ
คนล่านิทานหันไปมองหนิงซื่อที่กำลังคุกเข่าอยู่ทันที หลังจากนั้นก็รีบพยักหน้า:“ใช่พ่ะย่ะค่ะ นางเป็นหญิงหม้ายชราที่อยู่นอกหมู่บ้านจางอัน ปกติกระหม่อมเจอนางแค่ไม่กี่ครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
“จริงสิ หนิงซื่อกับเจ้ามีลูกหรือญาติบ้างหรือไม่” ไป๋ชิงหลิงเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา
หนิงซื่อตอบ:“สามีหม่อมฉันตายไปนานแล้วเพคะ ส่วนลูกชายเสียสละชีพบนสนามรบ จนถึงตอนนี้หม่อมฉันก็ไม่ได้แต่งกับใคร ซ้ำยังตัดขาดกับครอบครัวอีกด้วยเพคะ”
คนเล่านิทานพูด:“ของกระหม่อม ตอนกระหม่อมยังหนุ่มนั้นติดการพนัน เลยถูกพ่อแม่ไล่ออกจากบ้าน ภรรยากับลูกก็ทอดทิ้ง เลยเดินเท้าออกจากบ้านเกิดจนมาถึงเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งสองคนพูดจบ สายตาของทุกคนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
คนที่สามารถมาที่โรงน้ำชาซินเยว่ได้ ส่วนมากจะเป็นคนที่มีฐานะหรือไม่ก็คนที่สูงส่ง สมองเขาแล่นเร็วกว่าใครๆอย่างแน่นอน
พูดถึงฐานะแล้ว ถ้ายังมองไม่ออก เช่นนั้นก็โง่แล้วล่ะ!
มุมปากของไป๋ชิงหลิงเผยรอยยิ้มเยือกเย็น สายตาเหลือบไปมองพระชายาหราว เสียงเบา ราวกับลมเย็นที่พัดผ่านเข้ามาจากนอกหน้าต่าง:“คนที่ให้เงินเจ้า บอกให้เจ้าเล่าเรื่องพวกนี้ที่โรงน้ำชาซินเยว่ คือใครกัน?”
“นาง คือนางพ่ะย่ะค่ะ!” คนเล่านิทานยกมือขึ้นชี้ไปที่หนิงซื่ออย่างไม่ลังเล
หนิงซื่อก็ไม่ได้คัดค้าน:“เมื่อสิบวันก่อนพระชายาหราวมาหาหม่อมฉัน ให้หม่อมฉันป่าวประกาศให้ทุกคนทราบเรื่องของพระชายารองหวู่กับพระชายาหรงเพคะ”
พอคำพูดนี้ออกไป ในใจไป๋ชิงหลิงก็ตกใจอย่างมาก
เพราะเรื่องที่พระชายารองหวู่ด่าประจานลูกทั้งสองของเธอในวังนั้น มันพึ่งเกิดเรื่องเมื่อสามสี่วันก่อนเอง
แต่พระชายาหราวกลับวางแผนตั้งแต่สิบวันก่อน
ดูท่าทาง นางไม่ยอมพระชายาหรงอย่างเธอจริงๆสินะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...