หากไม่ใช่เพราะแรงกดดันของหวู่กั๋วกง คนรุ่นหลังคงเละเทะนานไปแล้ว
หวู่ซือหลิงรู้ดีว่านางล้ำเส้นหวู่กั๋วกงแล้ว เขาไม่ปล่อยนางไปแน่
หวู่กั๋วกงจ้องหวู่ซือหลิงอย่างเย็นชา “ท่านย่าของเจ้าเพิ่งพักผ่อน อย่าไปรบกวนความสงบสุขของนางอีก”
หลังพูดจบหวู่กั๋วกงก็ยอมปล่อยนางไป เขาเดินผ่านนางโดยไม่ให้หวู่ซือหลิงมีโอกาสสะดุ้งแม้แต่น้อย
หวู่ซือหลิงเงยหน้าขึ้น กะพริบตาให้เหลียนฮวนสาวใช้ของนางแล้วไปที่ห้องหนังสือของหวู่กั๋วกง
แต่ทันทีที่นางก้าวเข้าไปในห้อง ประตูก็ปิดดังปัง
หวู่ซือหลิงตกใจ นางหันศีรษะไปมองประตูห้องหนังสือซึ่งปิดโดยที่ปิดโดยบ่าวรับใช้ด้วยสีหน้ากังวล
“พระชายาหราวจากนี้ไปห้ามเจ้าแตะต้องคนหรือสิ่งใดในจวนกั๋วกง” ในยามนี้เสียงเย็นชากระแทกหวู่ซือหลิงอย่างแรง
หวู่ซือหลิงตกใจมาก
ท่านปู่ไม่ต้องการช่วยนางกับอ๋องหราว!
ความตื่นตระหนกและหวาดกลัวแต่เดิมกลายเป็นความไม่ยินยอม
เหอเฟยไม่มีภูมิหลัง นางจึงวางแผนทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สมรสกับอ๋องหราว ไม่ใช่เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งฐานะพระชายา
บรรพบุรุษตระกูลหวู่และบรรพบุรุษของจักรพรรดิสร้างประเทศที่ยิ่งใหญ่นี้ เหตุใดมีเพียงตระกูลหรงเท่านั้นที่สามารถเพลิดเพลินกับความมั่งคั่งและเกียรติยศอย่างล้นหลามได้ ในขณะที่ตระกูลหวู่ของพวกเขาต้องก้มหน้ายอมจำนน
หากบรรพบุรุษตระกูลหวู่ไม่สละบัลลังก์ ตระกูลหวู่ในยามนี้ก็จะเป็นเชื้อพระวงศ์
ขอแค่หวู่กั๋วกงใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น
ยามนี้ท่านปู่ต้องการให้นางแยกตัวออกจากอิทธิพลของจวนกั๋วกง
“ท่านปู่ ข้าสามารถต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของตระกูลหวู่ได้”
“ตระกูลหวู่ไม่ต้องการ!” จู่ๆ หวู่กั๋วกงก็ตบโต๊ะ เสียงเขาเหมือนเสียงสิงโตคำราม เขาจ้องหวู่ซือหลิงด้วยความโกรธ “ข้าเพียงหวังว่าพระชายาหราวจะไม่ก่อภัยพิบัติที่ไม่จำเป็นกับตระกูลหวู่ ในภายภาคหน้าตระกูลหวู่จะออกตัวให้น้อยลง ข้าจะกดดันเรื่องวันนี้เป็นการส่วนตัว หากคนในตระกูลหวู่เคลื่อนไหวอีก ข้าจะไม่ทน”
หวู่ซือหลิงรู้สึกราวกับมีใครบางคนราดน้ำเย็นใส่นางซึ่งทำให้นางสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ดวงตานางแดงก่ำ นางจ้องมองท่านปู่ของนางอย่างว่างเปล่า
ความไม่พอใจและความโกรธพลุ่งพล่านในใจกลายเป็นความแค้นที่ไม่อาจลบล้าง
นางเปล่งเสียงด้วยความโกรธจนคอแข็งเกร็งแดงก่ำ “ท่านปู่เป็นเพราะน้องห้ามีเรื่องขุ่นเคืองใจกับข้าใช่หรือไม่? ข้ารู้ว่าท่านไม่พอใจที่ข้าแต่งเข้าจวนอ๋องหราวมาโดยตลอด แต่ทำไมน้องห้าทำได้ แต่ข้ากลับทำไม่ได้ ข้าแต่งงานด้วยบุญวาสนาของตนเอง ตัวข้านั้นหวังพึ่งใครก็ไม่ได้เลย”
“พระชายาหราว!” หวู่กั๋วกงผุดลุกจากเก้าอี้ทันที “เจ้าไม่ได้แต่งเข้าจวนอ๋องหราวเพราะความสามารถของเจ้า แต่เพราะเจ้าคือคุณหนูใหญ่ที่เกิดจากฮูหยินเอกแห่งจวนกั๋วกง โปรดจำไว้ นับจากยามที่เจ้าเลือกแต่งเข้าจวนอ๋องหราวด้วยวิธีการนั้น เจ้าก็อย่าคิดแม้แต่จะใช้จวนกั๋วกงมาปูทางให้ตน อย่ามองว่าทุกคนโง่เขลา อย่าแม้แต่จะคิดลากจวนกั๋วกงเข้าไปในแผนการของเจ้า ในวันหน้าเจ้าจะมั่งคั่งหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ไม่ว่าเจ้าจะยากจนหรือต่ำต้อยเพียงใดก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนกั๋วกง วันนี้ข้าอธิบายให้เจ้าฟังแล้ว วันหน้าเจ้าไม่มีสิทธิ์กลับมาจวนนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้าอีก”
“ท่าน...” จิตใจหวู่ซือหลิงปั่นป่วน ความรู้สึกอยากอาเจียนเข้าครอบงำนาง จากนั้นนางก็กุมหน้าอกพร้อมกับ “อ้วก” อาเจียนออกมา
หลังจากอาเจียนแล้วหวู่ซือหลิงก็หมดสติไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...