เมื่อเขาเดินจากไปพระชายาหราวที่แกล้งเป็นลมก็ลืมตาขึ้น โผลงตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของแม่นางหลิ่ว และร้องไห้อย่างเจ็บปวด
แม่นางหลิ่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อนางรู้สึกตัวก็กอดหวู่ซือหลิงอย่างแนบแน่น พร้อมลูบหลังเบา ๆ และพูดว่า "เจ้าเด็กโง่ เจ้าดูตัวเจ้าต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แบบนี้คนก็จับจุดอ่อนได้ไม่ใช่หรือ"
หวู่ซือหลิงร้องไห้อย่างหนักเหมือนฟ้าดินจะสลาย
ถ้าเกิดไม่ได้ความช่วยเหลือจากจวนกั๋วกง นางจะทำฝันให้เป็นจริงได้อย่างไร
นางจับชุดของแม่นางหลิ่วออกมาจากอ้อมอกของนาง พูดพร้อมน้ำตาที่ไหลเต็มหน้าว่า "ท่านแม่ ท่านต้องช่วยข้านะ ท่านปู่ไม่ให้ข้ากลับเข้าวัง ทั้งยังไม่ให้ข้าใช้อำนาจของจวนกั๋วกงด้วย ท่านว่าท่านปู่ไม่ยุติธรรมหรือไม่ ไม่ใช่ว่าท่านปู่ได้ยินเบาะแสมานานแล้ว ถึงกล้าที่จะส่งท่านลุงสามออกไป ในใจของเขายังมีความอคติอยู่ เข้าแต่ข้างครอบครัวลูกคนที่สาม"
"หยุดพูดเดี๋ยวนี้" อยู่ ๆ สีหน้าของแม่นางหลิ่วก็หนักแน่นขึ้น ตำหนินางด้วยอย่างจริงจัง
หวู่ซือหลิงโดนแม่นางหลิ่วตำหนิจนตกใจพร้อมค่อย ๆ หดคอลง และพูดอย่างไม่รู้ว่า "ทำไมถึงพูดไม่ได้หรือท่านแม่ ครอบครัวลูกคนที่สามมีอะไรต้องห้ามหรือเจ้าคะ ถามเสด็จย่า แค่ได้ยินคำนั้นเสด็จย่าก็ทรงโกรธ ถามท่าน ท่านก็มีบางอย่างปิดบัง หรือว่านั่นเป็นลูกของอนุภรรยา......"
"พระชายาหราว" แม่นางหลิ่วขมวดคิ้วพร้อมตะโกนออกมา
จู่ ๆ หวู่ซือหลิงก็ชะงัก และจ้องไปที่แม่นางหลิ่วด้วยความไม่กล้าพูดต่ออีก
แม่นางหลิ่วเห็นท่าทีของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะตำหนินางออกไป
นางจับมือของหวู่ซือหลิงและพูดว่า "ในตอนนี้เจ้าเป็นถึงพระชายาหราวแล้ว ไม่ว่าครอบครัวสามนั่นเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเจ้าตอนนี้ได้ เจ้าไม่ต้องถามให้มากมายเกี่ยวกับในจวนกั๋วกงหรอก"
หวู่ซือหลิงสงบลง "แม้แต่ท่านแม่ก็......"
"ไม่ให้เจ้าถามเรื่องในจวนกั๋วกง ไม่ได้แปลว่าข้าจะทอดทิ้งเจ้า อะไรที่ยังสู้ได้ก็ต้องสู้ อ๋องหราวเป็นบุตรคนที่สามของฝ่าบาท ทั้งยังมีองค์ชายใหญ่อ๋องหนิงอีกคน แต่ร่างกายอ่อนแอ บรรพบุรุษของแคว้นหรงมีการฝึก ตำแหน่งเจ้าชายรัชทายาทจะเลือกลูกคนแรกแล้ว ลูกคนอื่นก็ไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ อ๋องหรงเป็นลูกคนแรกที่อดีตฮองเฮาให้กำเนิด ในตอนนี้ขาทั้งสองของเขาก็ใช้ไม่ได้ ไร้วาสนาได้ครองตำแหน่งนั้น ก็ยังเหลืออ๋องเฉินและอ๋องหราวคือคู่ต่อสู้ที่แท้จริง ไม่ใช่อ๋องหรง"
ในขณะที่แม่นางหลิ่วพูดนั้น ดวงตาของเขาก็เหมือนกำลังคำนวณไปด้วย
ตอนแรกนางเลือกอ๋องหราว ก็เป็นเพราะว่าไม่มีอำนาจในบ้านสนม หลังจากที่อ๋องหราวดำรงตำแหน่ง จวนกั๋วกงก็ง่ายต่อการถูกควบคุม
หวู่ซือหลิงตั้งใจฟังคำพูดของแม่นางหลิ่ว ก็สามารถไขข้อข้องใจในใจของนาง
"ที่ท่านแม่พูดก็ถูกเจ้าค่ะ" ทันใดนั้นหวู่ซือหลิงก็มีเป้าหมายใหม่
เสด็จปู่ไม่ให้นางเข้าไปในจวนกั๋วกง แต่ท่านคิดว่าทำแบบนี้แล้วสามารถตัดขาดความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับนางได้
หนึ่งโรจน์ทุกคนรุ่ง หนึ่งร่วงทุกคนล่ม เมื่อนางกลายเป็นสตรีสูงศักดิ์ เขายังที่จะสามารถพูดกับนางได้ไหมว่า "เจ้าจะร่ำรวยสูงส่ง หรือจนแค่ไหนก็ไม่มีความสัมพันธ์ใดกับจวนกั๋วกง"
นางไม่เชื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...