ไป๋ชิงหลิงหันศีรษะมองออกไป สายตาของนางจับจ้องไปที่เสิ่นโหรวเม่ย “ให้นางเข้ามา เจ้าพาเด็กสองคนลงไปเล่นก่อน ”
“เพคะ ! ” แม่นมซั่งพาเด็กทั้งสองไปยังลานอีกหลังหนึ่ง เสิ่นโหรวเม่ยเดินตรงเข้าไปที่หอเป่าซิน จื่ออีพานางไปที่ห้องด้านข้างบนชั้นสอง
ไป๋ชิงหลิงนั่งรอนางอยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อนางเดินเข้าไปในห้องด้านข้าง ไป๋ชิงหลิงวางชาไว้ข้างหน้านางแล้วพูดว่า “นั่งสิ”
เสิ่นโหรวเม่ยเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ นางก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป
นางนั่งบนม้านั่งตรงข้ามไป๋ชิงหลิง จ้องมองไป๋ชิงหลิงอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นคนสนับสนุนให้อ๋องหรงเข้าวังเพื่อร้องเรียนใช่ไหม ? ”
ไป๋ชิงหลิงยกชาขึ้นมาจิบเล็กน้อยแล้วถามกลับว่า “เจ้าไม่ลองบ้างเหรอ ข้าเรียนรู้มันจากสาวใช้ในจวนคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญเรื่องชามาก ท่านอ๋องชอบชาที่ข้าชงให้มาก ”
เมื่อเสิ่นโหรวเม่ยได้ยินคำว่า”ท่านอ๋องชอบมาก” นี้ นางมองลงไปที่ชาตรงหน้านางโดยไม่รู้ตัว แต่ประกายตาของนางเย็นชาผิดปกติ “เจ้าเป็นคนช่างคิด และมีไหวพริบมากจริง ๆ แม้แต่ฮองเฮาก็ยังถูกโน้มน้าวจนเชื่อฟัง”
เสียงดัง “ปัง ! ” ไป๋ชิงหลิงวางถ้วยชาลงอย่างหนัก เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาเย็นเฉียบราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง“พระชายาเฉินควรใส่ใจกับสิ่งที่เจ้าพูด ฮองเฮาเป็นเสด็จแม่ของเรา ในฐานะลูกสะใภ้ ข้าจะมีสิทธิ์สั่งสอนเสด็จแม่ได้อย่างไร ในทางกลับกัน พระชายาเฉินมาที่จวนของอ๋องหรง เพื่อด่าข้าหรือ”
“ไป๋เจาเสวี่ย ! ” เสิ่นโหรวเม่ยกัดฟันจ้องมองนาง “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เสด็จแม่พูดอะไรแปลก ๆ กับข้าแบบนี้ได้อย่างไร เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อกี้ข้าเห็นอะไร?”
ดวงตาของนางมีเลือดฝาดมากขึ้น และนางพูดอย่างไม่เต็มใจ “ข้าเห็นบรรยากาศที่คุ้นเคยในทุกที่ ข้าเคยไปทุกที่ในจวนของอ๋องหรง และเพื่อให้จิ่งหลินชอบ ข้าถึงได้ทำทุกวิถีทางเพื่อศึกษาและทำอาหารโปรดให้เขา แต่ฉากที่ข้าคุ้นเคยนี้ ล้วนไม่มีสิ่งใดที่เป็นของข้า ใจข้าแทบสลายเจ้ารู้ไหม!”
เดิมทีนางคิดว่าหลังจากแต่งงานกับอ๋องเฉินแล้ว นางจะสามารถละทิ้งความหลงใหลที่มีต่อหรงเยี่ยได้ แต่นางคิดผิด
นางทำไม่ได้เลย
หรงเฉินและหรงเยี่ยเหมือนกันมาก ตราบใดที่นางเห็นหน้าอ๋องเฉิน นางก็จะจำได้ว่าทำไมนางถึงแต่งกับเขา
ความไม่เต็มใจและความขุ่นเคืองแบบนั้นยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเมื่อนางกลับเข้าไปในจวนของอ๋องหรงอีกครั้ง ความเกลียดชังที่เก็บกดอยู่ในใจนางก็ระเบิดออกมา
นางอยู่ร้อนเป็นไฟทุกวัน ทำไมเขาต้องรักและมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่น
ไม่
นางต้องการทำลายรอยยิ้มบนใบหน้าของหรงเยี่ย ให้ร้องไห้ไปด้วยกันกับนาง
ไป๋ชิงหลิงยืนขึ้นอย่างกะทันหัน นางจ้องมองตรงไปที่เสิ่นโหรวเม่ย
คำพูดของเสิ่นโหรวเม่ยเป็นเหมือนหินก้อนใหญ่ ที่ติดอยู่ในใจของนาง
ปรากฏว่าก่อนที่นางจะรู้จักพ่อของเด็ก พ่อของเด็กได้เชิญนางเข้ามาในจวนแล้ว และผู้หญิงคนนั้นก็คุ้นเคยกับทุกซอกทุกมุมของจวนของเขาเป็นอย่างดี
และตลอดเวลาที่ผ่านมานางไม่รู้เรื่องนี้เลย และยังต้องรู้จากศัตรูความรักอีก
ความรู้สึกแบบนี้ มันน่าขายหน้าเกินไปแล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกัน” ไป๋ชิงหลิงยกชายกระโปรงของนางขึ้น หมุนตัวแล้วเดินออกจากห้องไป
ทันใดนั้นเสิ่นโหรวเม่ยก็หันศีรษะจ้องร่างนางที่ออกไป เมื่อเห็นไป๋ชิงหลิงก้าวออกจากธรณีประตู ดวงตานางก็เผยให้เห็นความชั่วร้าย และทันใดนั้นก็พุ่งไปหาไป๋ชิงหลิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...