ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 332

สรุปบท บทที่ 332 เสิ่นโหรวเม่ยสูญเสียลูก: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

ตอน บทที่ 332 เสิ่นโหรวเม่ยสูญเสียลูก จาก ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 332 เสิ่นโหรวเม่ยสูญเสียลูก คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเกิดใหม่ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ที่เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

อ๋องเฉินถูกกระตุ้นด้วยคำพูดดังกล่าวของหรงเยี่ย

เขาเดินกลับมา มุ่งหน้ามายังด้านหน้าของหรงเยี่ย กล่าวออกมาด้วยความโกรธ “พี่เจ็ด นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“ความยุติธรรมอยู่ในหัวใจมนุษย์ ดังนั้นวันนี้ข้าจึงมาร้องทุกข์ ใต้เท้าเว่ยเป็นคนเช่นไรคิดว่าน้องแปดเองก็น่าจะรู้ดี เมื่อมีเขาอยู่ เจ้ายังกลัวว่าจะหาผู้ทำความผิดตัวจริงไม่ได้ หรือคืนความบริสุทธิ์ให้แก่ผู้บริสุทธิ์ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?” หรงเยี่ยถามกลับมา

แต่อ๋องเฉินยังคงไม่ปล่อยวางกับประโยคก่อนหน้านี้ “ข้ากำลังถามเจ้าอยู่”

เขารู้ว่าหลวนอี๋ไม่ชอบเสิ่นโหรวเม่ยมาโดยตลอด เขาบอกว่า “หลวนอี๋ไม่ได้ตาบอด” มันหมายความว่าอย่างไร

หรงเยี่ยเหลือบตาขึ้นมามองเขา เขารู้สึกว่าหรงเฉินสูญเสียเหตุผลและความเป็นตัวเองเพราะเสิ่นโหรวเม่ย

ไม่ว่าเสิ่นโหรวเม่ยจะพูดอะไร เขาพร้อมที่จะเชื่อโดยปราศจากซึ่งความสงสัย เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า

ดวงตาอันเฉียบคมของเขาจ้องมองไปยังหรงเฉิน แววตาของเขาเยือกเย็นอย่างสุดขีด

หรงเฉินก้าวออกมาด้านหน้า จับไหล่ทั้งสองข้างของหรงเยี่ย กล่าวแทนเสิ่นโหรวเม่ยว่าช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา การทุ่มเทของนางนั้นไร้ค่า “ต่อให้เจ้าไม่ชอบนาง เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องทำให้นางอับอายถึงเพียงนี้ นางไม่ควรได้รับความรักจากผู้ชายคนไหนเลยอย่างนั้นหรือ? ข้าอยากปกป้องนางมันผิดอะไร?”

“เจ้าปกป้องนางนั้นไม่ได้ผิด!” หรงเยี่ยผลักหรงเฉินออกไปด้วยใบหน้ารังเกียจ “แต่เพื่อปกป้องนาง เจ้าถึงขั้นทำร้ายพระชายาของข้า นี่แหละคือความผิด เจ้าพูดเองเออเองว่าพระชายาของข้าทำร้ายเชื้อสายราชวงศ์ ข้าต้องการความจริง ในเมื่อเจ้ามั่นใจว่าพระชายาของเจ้าตกเป็นเหยื่อมาโดยตลอด เช่นนั้นจะต้องกลัวสิ่งใด ปล่อยให้ใต้เท้าเว่ยทวงความยุติธรรมให้แก่ผู้บริสุทธิ์ไม่ดีกว่างั้นหรือ?”

“ได้ ตรวจสอบก็ตรวจสอบ ข้าจะทำให้เจ้าเข้าใจ การตัดสินใจของเจ้ามันผิด ผู้หญิงคนนั้นในจวนอ๋องของเจ้าเป็นคนทำร้ายเม่ยเอ๋อร์” อ๋องเฉินคำรามออกมาด้วยความโกรธ

ในเวลานี้หมอเหลียงเดินออกมา อ๋องเฉินหันไปถามเขา “พระชายาเป็นเช่นไรบ้าง?”

“เด็กออกมาแล้ว พระชายาตกอยู่ในอาการเศร้าเสียใจ ร้องไห้จนหมดสติไป ในช่วงระยะเวลาอันสั้น พระชายาอาจจะอารมณ์แปรปรวนมากกว่าปกติ” หมอเหลียงกล่าวออกมา

อ๋องเฉินได้ยินเช่นนี้ เขาจ้องมองไปยังหรงเยี่ยด้วยสายตาอันดุร้าย “พี่เจ็ด เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม เม่ยเอ๋อร์แท้งลูกไปแล้ว เจ้ายังอยากให้ใต้เท้าเว่ยเข้าไปไต่สวนนางอยู่หรือไม่?”

ใต้เท้าเว่ยรู้สึกว่าตนเองโชคร้ายเป็นอย่างมาก เขาเองก็ไม่รู้ว่าอ๋องหรงเป็นอะไรถึงได้มาร้องทุกข์เช่นนี้

เขาไปหาจักรพรรดิโดยตรงเลยไม่ดีกว่างั้นหรือ

แต่เขารับคดีมาแล้ว อย่างไรก็ไม่อาจปัดความรับผิดชอบ

หรงเยี่ยยังคงพูดออกมาด้วยทัศนคติอันแน่วแน่ “อย่าเอาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้มาปัดความรับผิดชอบ หลักฐานและเรื่องราวที่จำเป็นไม่อาจขาดตอนได้แม้แต่นิดเดียว”

“เจ้า......” อ๋องเฉินมองไปที่เขาด้วยความผิดหวัง “ได้ หากเจ้าปรารถนาที่จะรอ เช่นนั้นเจ้าก็รอต่อไป”

“พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่ เจ้าวางใจ ในวันพรุ่งนี้ข้าจะรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ได้รับรู้ และไม่มีวันปล่อยให้ผู้กระทำความผิดลอยนวลเป็นแน่” หรงเยี่ยพูดจบก็สั่งให้อิงซาพาเขาออกจากจวนอ๋องเฉิน ใต้เท้าเว่ยเองก็จากไปพร้อมกับหรงเยี่ย

ในตอนที่เดินออกจากจวนอ๋องเฉิน ใต้เท้าเว่ยถามออกมาว่า “ฝ่าบาท ข้าขอไปดูที่เกิดเหตุหน่อยได้หรือไม่?”

“ได้”

ใต้เท้าเว่ยเดินตามหรงเยี่ยกลับมายังหอเป่าซิน ไป๋ชิงหลิงกำลังอยู่บนชั้นสอง ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่นางตกลงมา

หรงเยี่ยเห็นนางที่ยืนอยู่บนชั้นสอง เขาจึงขึ้นไปชั้นสองทันใด

จื่ออีเดินเข้ามาข้างกายของไป๋ชิงหลิงพร้อมกับกล่าวว่า “พระชายา ท่านอ๋องกลับมาแล้ว”

ไป๋ชิงหลิงได้สติกลับมาทันที มองลงไปด้านล่าง หรงเยี่ยเดินเข้ามาในหอเป่าซินแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน อิงซาและอิงอู๋ก็พยุงเขาขึ้นมาบนชั้นสอง ใต้เท้าเว่ยเองก็เดินตามเขามาด้านหลัง

นางรู้สึกว่านางจะต้องปรับเปลี่ยนและจัดการเสื้อผ้าในตู้ของนางใหม่ ชุดกระโปรงยาวสีม่วงเป็นเพียงชุดเดียวที่มีสีแตกต่างกับเสื้อผ้าในตู้ของนาง

ไป๋ชิงหลิงเห็นเศษผ้าสีฟ้าในมือของเว่ยซือเฉิง นางกล่าวออกมาว่า “ในตอนที่เกิดเรื่อง ข้าสวมเสื้อผ้าสีฟ้าอ่อน”

“พระชายาสามารถนำเสื้อผ้าชุดนั้นมาให้ข้าได้หรือไม่” เว่ยซือเฉิงถามออกมา

“ได้” ไป๋ชิงหลิงพยักหน้า นางให้จื่ออีไปหยิบเสื้อผ้าตัวนั้นมา

จื่ออีรีบกลับไปหาเสื้อผ้าในห้องทันที หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาอยู่ข้างกายของไป๋ชิงหลิง จากนั้นก็มอบเสื้อผ้าให้กับเว่ยซือเฉิง

หลังจากเว่ยซือเฉิงรับเสื้อผ้าไปแล้ว เขาสั่งให้ทหารคนสนิทคลี่มันออก จากนั้นทำการตรวจสอบเสื้อผ้าอย่างละเอียด พบว่าบนเสื้อผ้ามีรอยขาดอยู่หนึ่งรอย เมื่อนำเศษผ้าในมือไปเทียบก็พบว่ามันมีขนาดและสีตรงกับรอยดังกล่าวพอดี

ใต้เท้าเว่ยถามออกมาว่า “พระชายา ในตอนที่เกิดเรื่อง ท่านกับพระชายาเฉินอยู่ที่ใด และบุคคลที่สามซึ่งอยู่ด้วยเป็นผู้ใด?”

ไป๋ชิงหลิงกล่าวออกมาว่า “เวลานั้นข้าอยู่ในห้องชา พูดคุยกับพระชายาเฉินสองสามคำ แต่เมื่อรู้สึกไม่ชอบใจ ข้าจึงเดินหนีออกมาก่อน ในเวลานั้นสาวใช้ของข้าจื่ออีเฝ้าอยู่ด้านนอกประตู และนางก็เป็นคนคว้าแขนเสื้อของข้าไว้ในตอนแรก”

พูดจบไป๋ชิงหลิงก็หันไปมองจื่ออี

จื่ออีก้าวออกมาทันที ทำความเคารพเว่ยซือเฉิงและกล่าวออกมาว่า “เวลานั้นข้าเฝ้าอยู่ด้านนอกประตู พระชายาเพิ่งจะก้าวออกมาจากประตู ข้าก็พบว่ามีเงาของใครบางคนพุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังของนาง ในตอนนั้นข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เห็นเพียงแค่ว่าพระชายาถูกผลักอย่างกะทันหัน ข้าจึงรีบวิ่งลงไปดึงพระชายาเอาไว้ตามสัญชาตญาณ”

“เช่นนั้นเจ้าลองยื่นมือของเจ้าออกมา” เว่ยซือเฉิงกล่าว

จื่ออียกมือขึ้น จากนั้นแสดงให้เห็นนิ้วทั้งสิบของนาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น