ไป๋ชงเซิงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังตนเองจึงหันไปมอง"ท่านพ่อ!"
นางลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหาหรงเยี่ย
หรงเยี่ยยื่นมือไปอุ้มลูกไว้บนตัก หรงจิ่งหลินก็เข้ามาผลักเขาอย่างครุ่นคิดแล้วพูดว่า"ท่านพ่อ ท่านดูว่าวที่ท่านแม่พับให้พวกเราสิ มันสวยกว่าที่ท่านพับอีก"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ไป๋ชิงหลิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง นางหยิบว่าวผีเสื้อที่นางวาดขึ้นมาอวด"จิ่งหลินบอกว่าว่าวที่เจ้าพับไม่เคยบินขึ้นเลย"
หรงเยี่ยยิ้มจางๆแล้วเอื้อมมือไปหยิบว่าวที่นางทำขึ้นเอง"ข้าไม่เคยพับมาก่อนเลยลองพับไปสองสามครั้ง สุดท้ายพ่อบ้านฉีก็ซื้อมาบ้าง ฝีมือของพระชายาก็ใช้ได้นี่"
"อันนี้เป็นของเซิงเอ๋อร์ ส่วนอันนั้นเป็นของจิ่งหลิน"นางหยิบว่าวเหยี่ยวดำขึ้นมา"เราเอาว่าวไปเล่นในวันไหว้พระจันทร์ได้ เจ้าคิดว่าอย่างไร?"
"เช่นนั้นก็ทำให้ข้าอันหนึ่ง"หรงเยี่ยพูดด้วยเสียงอ่อนโยน
ไป๋ชงเซิงพูดว่า"ท่านแม่บอกว่าวันนั้นท่านพ่อต้องขี่ม้าตีคลี พวกเราจะเล่นว่าวอยู่ข้างๆ ท่านพ่อคงงไม่มีเวลามาเล่นกับพวกเรา"
"รอข้าขี่ม้าตีคลีชนะแล้วได้ของดีๆมาให้แม่ของเจ้าแล้ว ข้าก็จะเล่นว่าวเป็นเพื่อนพวกเจ้าได้"อารมณ์ที่กลัดกลุ้มของหรงเยี่ยค่อยๆผ่อนคลายลง
หรงจิ่งหลินดูเสียใจ"เสียดายที่ข้าไม่สามารถออกกำลังกายมากเกินไปได้ ข้าจึงวิ่งเล่นเป็นเพื่อนน้องสาวไม่ได้"
ไป๋ชิงหลิงมองไปที่หรงจิ่งหลินแล้วกอดเขาไว้ในอ้อมแขนของตนเอง"ยาของหมอซูยังขาดอยู่นิดหน่อย ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าหลังจากที่ฉีดยาเข้าไปในเลือดของจิ่งหลินแล้วจะไม่เป็นอันตรายต่อจิ่งหลิน โชคดีที่ครึ่งปีมานี้พิษที่ตกค้างในตัวจิ่งหลินได้รับการรักษาควบคุมอย่างดี"
"ท่านแม่ นั่นเป็นเพราะท่านกลับมาแล้ว"หรงจิ่งหลินกอดคอของนางไว้แล้วถูใบหน้าเล็กๆของเขากับใบหน้าของนางสองสามครั้ง
หรงเยี่ยมองไปที่ไป๋ชิงหลิงอย่างลึกซึ้ง"คืนนี้พระชายาจะไปป้อมปราการทางน้ำหรือ?"
ไป๋ชิงหลิงรู้ว่าเขาจะถามเลยเตรียมใจไว้แล้ว"ใช่ ที่หุบเขาเซียนไหลข้าจะออกไปทุกวันที่หนึ่งและสิบห้าเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ได้ยินมาว่าที่ป้อมปราการทางน้ำมีประชากรจำนวนมาก ท่านอ๋องมีหมู่บ้านที่นั่นข้าคิดว่ามันเหมาะพอดี"
นางกลัวว่าเขาจะพูด"ข้าจะไปกับเจ้า"นางจึงรีบพูดอีกครั้ง"ลูกทั้งสองคงต้องรบกวนสามีแล้ว......"
"พระชายาวางใจเถอะ ข้าจะดูแลลูกทั้งสองอย่างดีแน่นอน"ริมฝีปากบางของหรงเยี่ยยกขึ้นเล็กน้อยและใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็แสดงรอยยิ้มจางๆ
ไป๋ชิงหลิงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตราบใดที่นางไม่ได้อยู่กับลูกและหรงเยี่ยนางเชื่อว่าโศกนาฏกรรมก็จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน
มือของนางก็จะไม่เปื้อนเลือด
หลังจากนั้นไม่นานแม่นมซั่งก็เรียกคนมาเตรียมอาหาร
เมื่อมองไปที่อาหารบนโต๊ะไป๋ชิงหลิงก็ไม่มีความอยากอาหารเลย
นางกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของจื่ออีและนางก็กังวลว่าเมื่อใดวิชาถอดวิญญาณของนางจะเกิดผลจริงๆ
คำพูดของเสิ่นโหรวเม่ยยังคงมีผลระทบต่อนางอย่างมากเพราะนางกลัวว่านางจะกลายเป็นคนแบบที่เสิ่นโหรวเม่ยพูดจริงๆ
นางไม่อยากนำหายนะมาสู่จวนอ๋องหรง
หรงเยี่ยเหลือบมองนางแล้วให้ใครสักคนไปเตรียมโจ๊กให้นาง ไป๋ชิงหลิงดื่มจนหมดนางกลัวว่าหรงเยี่ยจะสงสัย
หลังจากกินข้าวเสร็จไป๋ชิงหลิงก็กลับไปที่ห้องของนางคนเดียวแล้วเก็บเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนสองสามชุด เมื่อนางประตูอีกครั้งนางก็เห็นหรงเยี่ยนั่งอยู่ข้างนอก
นางก้าวออกจากธรณีประตูมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา นางเอื้อมมือไปแตะใบหน้าของเขาแล้วพูดว่า"ข้าต้องไปแล้ว เจ้าไม่ต้องคิดถึงข้า ข้าจะกลับมาให้ทันก่อนวันไหว้พระจันทร์ รอเจ้าชนะแล้วเอาปิ่นหยกกลับมาให้ข้า"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...