ก่อนหน้านี้ความไว้วางใจของจักรพรรดิเหยาที่มีต่อไป๋ชิงหลิงนั้นปราศจากข้อกังขา
แต่หลังจากที่ม้าเสียการควบคุม จู่ๆ จักรพรรดิเหยาก็สงสัยในตัวนางมากขึ้นเล็กน้อย
ทุกคนสามารถเห็นความรู้สึกของนางที่มีต่อเจ้าเจ็ด และมันอาจจะจริง แต่เป็นไปไม่ได้ที่คนจะไม่มีความเห็นแก่ตัว
พระชายาเฉินเคยมีเรื่องบาดหมางกับนาง จึงสมเหตุสมผลแล้วที่นางไม่ต้องการให้พระชายาเฉินมีช่วงเวลาที่ดี
อย่างไรก็ตาม...
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกว่าคำให้การของพยานทั้งสองนั้นไร้สาระเล็กน้อย
นางก้าวไปข้างหน้า จ้องมองพยานทั้งสองอย่างเฉียบขาดแล้วกล่าวว่า “กล่าวได้ว่า เจ้าเห็นไม่ชัดคนที่คุกคามเจ้าในวันนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร?”
นี้...
ทุกคนตกตะลึง
เว่ยซือเฉิงดูสงบ เขารู้ว่าไป๋ชิงหลิงจะหาทางอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าพระชายาหรงจะทำเช่นนั้น
พยานทั้งสองตกอยู่ในห้วงความคิดอีกครั้ง
ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นก่อนแล้วพูดว่า “ใช่ วันนั้นนางสวมผ้าคลุมหน้า เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง”
ไป๋ชิงหลิงย่อตัวลงอย่างทันที นางหยิบผ้าคลุมหน้าขึ้นมาสวมไว้บนหน้านางเผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง
ผู้หญิงคนนั้นตัวสั่น กัดริมฝีปาก ก้มหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจำไม่ได้ ข้าไม่กล้ามองนางมากกว่านี้ แต่เสียงของนางคล้ายกับของท่านมาก”
ชายคนนั้นพยักหน้าเห็นด้วย
ไป๋ชิงหลิงลุกขึ้นถวายพระพรจักรพรรดิเหยาแล้วกล่าวว่า “พยานทั้งสองนี้อาศัยเพียงผ้าคลุมหน้า ชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนตัวโปรดของข้าและเสียงเพื่อใช้เป็นหลักฐานว่าข้าเป็นผู้บงการในเหตุการณ์นี้ นี่มันเลอะเทอะเกินไป ข้าคิดว่าข้าคงไม่โง่ขนาดบอกสองคนนี้ว่าข้าคือพระชายาหรง และอย่างที่สอง ข้าจะไม่ใช้เข็มฉีดยาฉีดก้นม้าอย่างแน่นอน เพราะนั่นจะทำให้ด้ามจับติดลงไป หากข้าต้องการให้ม้าอยู่เหนือการควบคุม ยังมีอีกหลายวิธีที่ไม่ทิ้งพยานและหลักฐานทางกายภาพไว้ว่าข้าเป็นผู้ลงมือทำ”
เสียงที่ชัดเจนเงียบลงแล้วคนก็ตะโกนลั่น
พยานทั้งสองยังคุกเข่าด้วยความตกใจเพราะคำพูดของไป๋ชิงหลิง “ใต้เท้า คนที่เราเห็นคือพระชายาหรงจริงๆ นางเป็นคนที่เผลอพูดบางอย่างที่เปิดเผยข้อมูลของนางออกมา ดังนั้นเราจึงรู้ว่านางคือพระชายาหรง”
การแสดงออกของเว่ยซือเฉิงเปลี่ยนเป็นจริงจัง แต่เขาไม่ได้ตอบสนองในทันที
ไป๋ชิงหลิงชำเลืองมองพยานทั้งสองเบาๆ แล้วพูดว่า “แล้วถ้ามีใครแอบอ้างว่าเป็นข้าเล่า?”
แอบอ้าง! !
ดวงตาจักรพรรดิเหยาเป็นประกายอีกครั้ง
ถ้าเป็นการแอบอ้างก็จบแล้ว
หากเป็นเขา เขาคงไม่ทิ้งเบาะแสมากมายไว้รอคนมาจับเป็นแน่
ในที่สุดจักรพรรดิเหยาก็ตรัสขึ้นอย่างดุดันว่า “บอกว่า ใครสั่งพวกเจ้า”
พยานทั้งสองรีบก้มหัว
เว่ยซือเฉิงลูบเคราของตนพร้อมกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิประทับอยู่เบื้องหน้า จะดีกว่าหากพวกเจ้าบอกความจริงว่าใครอยู่เบื้องหลัง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...