บทที่ 374 ตั้งองค์รัชทายาทไม่เลือกบุตรสนม – ตอนที่ต้องอ่านของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอนนี้ของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเกิดใหม่ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 374 ตั้งองค์รัชทายาทไม่เลือกบุตรสนม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เปลือกตาพระชายาอันจวินกระตุกอย่างแรง
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกว่าจำเป็นต้องบอกพระชายาอันจวินให้ชัดเจนกว่านี้ “ม้าของอ๋องหราวสูญเสียการควบคุมก่อน ทำให้ดูเหมือนมีใครบางคนต้องการสังหารอ๋องหราว หรือในตอนท้ายที่ผู้ได้รับบาดเจ็บคืออ๋องเฉินและจวิ้นอ๋องน้อย แม้แต่อ๋องหรงก็เกือบจะได้รับบาดเจ็บ ในทางกลับกันอ๋องหราวที่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ การสมรู้ร่วมคิดนี้มุ่งเป้าไปที่ใคร หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วเสด็จอาสะใภ้ควรสามารถแยกแยะได้”
“เจ้าสงสัยอ๋องหราว?”
“ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้น ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างสงสัย อวิ๋นมู่เอ๋อร์เพียงผู้เดียวไม่สามารถวางแผนการสมรู้ร่วมคิดนี้ได้แน่ ต้องมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังนาง และคนผู้นี้เกลียดข้ามากถึงขนาดต้องการใช้การแข่งขันคลีทำร้ายใครอ๋องสักคน แล้วใช้ข้าเป็นแพะรับบาป” ไป๋ชิงหลิงไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจวนอ๋องอันจวิน มิฉะนั้นนี่จะเป็นศัตรูที่ทรงพลัง
พระชายาอันจวินนิ่งเงียบ
ไป๋ชิงหลิงเดินเข้ามาหานาง แล้วกระซิบข้างหูพระชายาอันจวิน “เสด็จอาสะใภ้ ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ท่านเคยได้ยินข่าวลือมาบ้างหรือไม่?”
“ข่าวลืออะไร?”
“จักรพรรดิทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาทล่าช้า นั่นก็เพราะพระองค์ต้องการรอให้อ๋องหรงลุกขึ้นยืน”
เมื่อเสียงที่ไร้ตัวตนของไป๋ชิงหลิงเงียบลง รูม่านตาพระชายาอันจวินก็หดตัวอย่างแรง ทันใดนั้นนางก็หันมองไป๋ชิงหลิง
ไป๋ชิงหลิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว คำนับหนึ่งครั้งแล้วกล่าวต่อไปว่า “ตั้งองค์รัชทายาทไม่เลือกบุตรสนม ตั้งผู้อาวุโสไม่ใช่ผู้เยาว์”
หลังจากพูดจบ ไป๋ชิงหลิงก็เดินผ่านพระชายาอันจวินไป
พร้อมกับที่ไป๋ชิงหลิงทิ้งประโยค ‘ตั้งองค์รัชทายาทไม่เลือกบุตรสนม ตั้งผู้อาวุโสไม่ใช่ผู้เยาว์’ ไว้เบื้องหลังซึ่งยังคงก้องอยู่ในหูพระชายาอันจวิน
อ๋องหรงซึ่งมีฐานะเป็นโอรสองค์โตของอดีตฮองเฮาได้สูญเสียขาทั้งสองข้างไป เขาย่อมขาดคุณสมบัติในการชิงตำแหน่งรัชทายาท
แต่ฮองเฮาองค์ปัจจุบันยังมีโอรส ดังนั้นอ๋องเฉินจึงกลายเป็นหนามยอกอกขององค์ชายที่ต้องชิงฐานะรัชทายาทอย่างไม่ต้องสงสัย
หากเมื่อวานนี้อ๋องเฉินสิ้นพระชนม์โดยบังเอิญในยามที่ฝูงม้าสูญเสียการควบคุม โอรสของฮองเฮาทั้งสองจะสูญสิ้นโอกาส
เนื่องจากไม่มีรัชทายาทที่เหมาะสม จักรพรรดิจึงทำได้เพียงเลือกจากผู้อาวุโสที่สุดเท่านั้น
องค์ชายใหญ่ทั้งอ่อนแอและขี้โรคย่อมเป็นไปไม่ได้เลย ต่อจากนั้นผู้ที่มีความสามารถและสุขภาพแข็งแรงก็คือองค์ชายสามซึ่งเป็นอ๋องหราว!
หัวใจพระชายาอันจวินสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
การสมรู้ร่วมคิดเมื่อวานนี้มุ่งเป้าไปที่อ๋องเฉินและอ๋องหรง ส่วนลูกของนางเพียงตกเป็นเหยื่อของการสมรู้ร่วมคิดนี้เท่านั้น
ให้ตายเถอะ!
เมื่อพระชายาอันจวินกลับมาถึงจวนอ๋องอันจวิน บ่าวของนางก็มารายงานว่า “พระชายา พระชายาหราวอยู่ที่ห้องรับรองส่วนหน้าเพคะ”
ดวงตาพระชายาอันจวินจมลง นางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไปแจ้งว่าข้าเหนื่อย ขอให้นางกลับไปก่อน”
“เพคะ” บ่าวรับใช้ถอนตัวออกไป
พระชายาอันจวินจับมือแม่นมฉินแล้วกลับเรือนของตน
ขณะที่หวู่ซือหลิงไม่คาดคิดว่าพระชายาอันจวิน จะปฏิเสธการมาพบนางโดยตรง
นางออกจากจวนอ๋องอันจวินด้วยสีหน้าลำบากใจ หลังจากเข้าไปในรถม้า นางก็หยิบกาน้ำชาขึ้นมาแล้วกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง
สาวใช้ที่ตามหลังมารีบคุกเข่าลง
หวู่ซือหลิงพูดด้วยความโกรธ “ออกไป”
ไป๋ชิงหลิงวางนางไว้ข้างกายแม่นางหลิ่ว เนื่องจากซังจวี๋ปรากฏตัวที่นี่ ดังนั้นย่อมมีเรื่องเกิดขึ้น
นางพาซังจวี๋เข้าไปในห้องตรวจโรค ปิดประตูแล้วถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ข้าน้อยสังเกตฮูหยินมาสองสามวันแล้ว ฮูหยินไม่มีอะไรผิดปกติ!”
“ไม่มีความผิดปกติ?” ไป๋ชิงหลิงไม่คิดว่าคำตอบจะเป็นคำนี้
ซังจวี๋พยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ ติ้งเป่ยโหวไปหาฮูหยินทุกวัน และฮูหยินยังวัดเสื้อผ้าสำหรับติ้งเป่ยโหวด้วย ทุกวันนี้นางเพียงทำเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิให้ติ้งเป่ยโหวในห้องของนาง ทุกมื้อค่ำจะไปทานอาหารเย็นกับฮูหยินผู้เฒ่าพร้อมติ้งเป่ยโหว บางครั้งก็ไปสำนักศึกษาเพื่อดูแลงานปักของเด็กผู้หญิงบางคน ข้าน้อยไม่เคยเห็นฮูหยินสัมผัสกับสิ่งผิดปกติเลย”
ไป๋ชิงหลิงหรี่ตา ยามเซิงเอ๋อร์กลับจวนติ้งเป่ยโหวกับนาง นางพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับนายท่านใหญ่
หรือนางไม่ควรตรวจสอบจากแม่นางหลิ่ว แต่เป็นทุกคนในจวน
โดยเฉพาะฮูหยินอาวุโส
“ท่านโหวอยู่บ้านในยามใด?”
“ยามข้าน้อยออกมา ท่านโหวบังเอิญอยู่ในห้องหนังสือพอดีพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าจะกลับจวนติ้งเป่ยโหวพร้อมเจ้า” ไป๋ชิงหลิงลุกขึ้น นางผลักประตูห้องตรวจโรคแล้วเดินออกจากโรงหมอฮุ่ยหมินไป
รถม้าหยุดอยู่ตรงหน้านาง ยามนางเอื้อมมือไปจับประตูรถม้า จู่ๆ หมอกสีดำก็พาดผ่านท้องฟ้าสีคราม
จู่ๆ สีหน้าอิงเหลียนซึ่งยืนอยู่ด้านหลังไป๋ชิงหลิงก็เปลี่ยนไป เขารีบเอื้อมมือไปจับข้อมือไป๋ชิงหลิงแล้วกล่าวว่า “พระชายา อย่าเพิ่งเดินทางในยามนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...