เปลือกตาพระชายาอันจวินกระตุกอย่างแรง
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกว่าจำเป็นต้องบอกพระชายาอันจวินให้ชัดเจนกว่านี้ “ม้าของอ๋องหราวสูญเสียการควบคุมก่อน ทำให้ดูเหมือนมีใครบางคนต้องการสังหารอ๋องหราว หรือในตอนท้ายที่ผู้ได้รับบาดเจ็บคืออ๋องเฉินและจวิ้นอ๋องน้อย แม้แต่อ๋องหรงก็เกือบจะได้รับบาดเจ็บ ในทางกลับกันอ๋องหราวที่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ การสมรู้ร่วมคิดนี้มุ่งเป้าไปที่ใคร หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วเสด็จอาสะใภ้ควรสามารถแยกแยะได้”
“เจ้าสงสัยอ๋องหราว?”
“ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้น ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างสงสัย อวิ๋นมู่เอ๋อร์เพียงผู้เดียวไม่สามารถวางแผนการสมรู้ร่วมคิดนี้ได้แน่ ต้องมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังนาง และคนผู้นี้เกลียดข้ามากถึงขนาดต้องการใช้การแข่งขันคลีทำร้ายใครอ๋องสักคน แล้วใช้ข้าเป็นแพะรับบาป” ไป๋ชิงหลิงไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจวนอ๋องอันจวิน มิฉะนั้นนี่จะเป็นศัตรูที่ทรงพลัง
พระชายาอันจวินนิ่งเงียบ
ไป๋ชิงหลิงเดินเข้ามาหานาง แล้วกระซิบข้างหูพระชายาอันจวิน “เสด็จอาสะใภ้ ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ท่านเคยได้ยินข่าวลือมาบ้างหรือไม่?”
“ข่าวลืออะไร?”
“จักรพรรดิทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาทล่าช้า นั่นก็เพราะพระองค์ต้องการรอให้อ๋องหรงลุกขึ้นยืน”
เมื่อเสียงที่ไร้ตัวตนของไป๋ชิงหลิงเงียบลง รูม่านตาพระชายาอันจวินก็หดตัวอย่างแรง ทันใดนั้นนางก็หันมองไป๋ชิงหลิง
ไป๋ชิงหลิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว คำนับหนึ่งครั้งแล้วกล่าวต่อไปว่า “ตั้งองค์รัชทายาทไม่เลือกบุตรสนม ตั้งผู้อาวุโสไม่ใช่ผู้เยาว์”
หลังจากพูดจบ ไป๋ชิงหลิงก็เดินผ่านพระชายาอันจวินไป
พร้อมกับที่ไป๋ชิงหลิงทิ้งประโยค ‘ตั้งองค์รัชทายาทไม่เลือกบุตรสนม ตั้งผู้อาวุโสไม่ใช่ผู้เยาว์’ ไว้เบื้องหลังซึ่งยังคงก้องอยู่ในหูพระชายาอันจวิน
อ๋องหรงซึ่งมีฐานะเป็นโอรสองค์โตของอดีตฮองเฮาได้สูญเสียขาทั้งสองข้างไป เขาย่อมขาดคุณสมบัติในการชิงตำแหน่งรัชทายาท
แต่ฮองเฮาองค์ปัจจุบันยังมีโอรส ดังนั้นอ๋องเฉินจึงกลายเป็นหนามยอกอกขององค์ชายที่ต้องชิงฐานะรัชทายาทอย่างไม่ต้องสงสัย
หากเมื่อวานนี้อ๋องเฉินสิ้นพระชนม์โดยบังเอิญในยามที่ฝูงม้าสูญเสียการควบคุม โอรสของฮองเฮาทั้งสองจะสูญสิ้นโอกาส
เนื่องจากไม่มีรัชทายาทที่เหมาะสม จักรพรรดิจึงทำได้เพียงเลือกจากผู้อาวุโสที่สุดเท่านั้น
องค์ชายใหญ่ทั้งอ่อนแอและขี้โรคย่อมเป็นไปไม่ได้เลย ต่อจากนั้นผู้ที่มีความสามารถและสุขภาพแข็งแรงก็คือองค์ชายสามซึ่งเป็นอ๋องหราว!
หัวใจพระชายาอันจวินสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
การสมรู้ร่วมคิดเมื่อวานนี้มุ่งเป้าไปที่อ๋องเฉินและอ๋องหรง ส่วนลูกของนางเพียงตกเป็นเหยื่อของการสมรู้ร่วมคิดนี้เท่านั้น
ให้ตายเถอะ!
เมื่อพระชายาอันจวินกลับมาถึงจวนอ๋องอันจวิน บ่าวของนางก็มารายงานว่า “พระชายา พระชายาหราวอยู่ที่ห้องรับรองส่วนหน้าเพคะ”
ดวงตาพระชายาอันจวินจมลง นางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไปแจ้งว่าข้าเหนื่อย ขอให้นางกลับไปก่อน”
“เพคะ” บ่าวรับใช้ถอนตัวออกไป
พระชายาอันจวินจับมือแม่นมฉินแล้วกลับเรือนของตน
ขณะที่หวู่ซือหลิงไม่คาดคิดว่าพระชายาอันจวิน จะปฏิเสธการมาพบนางโดยตรง
นางออกจากจวนอ๋องอันจวินด้วยสีหน้าลำบากใจ หลังจากเข้าไปในรถม้า นางก็หยิบกาน้ำชาขึ้นมาแล้วกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง
สาวใช้ที่ตามหลังมารีบคุกเข่าลง
หวู่ซือหลิงพูดด้วยความโกรธ “ออกไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...