“เห๊อะ!” ไป๋ชิงหลิงเย้ยหยัน หันหลังและเดินไปหาหรงเยี่ย วางมือบนรถเข็นและพูดว่า “ท่านอ๋อง พวกเราก็กลับตำหนักกันเถอะ ออกมานานแล้ว เด็กทั้งสองต้องคิดถึงเราแน่”
“อืม!”
“หมอหลวงจ้าว เจ้ากลับตำหนักอ๋องพร้อมกับท่านอ๋องเฉิน อย่าลืมนำยาไปด้วย จะได้ตัดขาของท่านอ๋องเฉินได้สะดวก และตามหมอหลวงหลี่ให้ไปด้วยกัน!” ขณะที่ไป๋ชิงหลิงเข็นหรงเยี่ยออกจากธรณีประตู เธอก็หันมากำชับหมอหลวงจ้าว
หมอหลวงจ้าวตอบอย่างใจเย็น “ขอรับ!”
ท่านอ๋องเฉินสำลัก กับสิ่งที่เธอพูดก่อนที่จะจากไป
แต่เขาจะพูดอะไรได้ ตอนนี้ทุกคนต่างก็ฟังผู้หญิงคนนี้ แย่มากจริงๆ
จงใจยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเสด็จแม่
ท่านอ๋องเฉินออกจากวังอย่างไม่ลังเล ไป๋ชิงหลิงรอให้ท่านอ๋องเฉินจากไปก่อนค่อยจากไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนจากไป เธอและหรงเยี่ยไปที่ตำหนักเฟิ่งหลวนด้วยตัวเอง เพื่อสนทนากับฮองเฮาอู่
ฮองเฮาอู่ตาแดงก่ำ กุมมือของไป๋ชิงหลิง พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “เจ้าเสวี่ย ข้ารู้ว่าเจ้ามาเพราะเรื่องอะไร เฉินเอ๋อร์ไม่เชื่อฟัง ไม่เหมาะที่จะสั่งสอน คิดแต่ว่าพวกเราจะทำร้ายเขา จะแยกเขาออกจากเสิ่นโหรวเม่ย ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ปล่อยเขาไปเถอะ เจ้าก็อย่ากังวลกับอาการบาดเจ็บของเขา เพียงแค่ให้หมอหลวงจากสำนักหมอหลวงกลับตำหนักอ๋องพร้อมเขาก็พอ”
“เสด็จแม่ กาลเวลาทำให้เห็นใจคน ข้าเชื่อว่าสักวันน้องแปดจะเข้าใจความอุตสาหะของเสด็จแม่” ไป๋ชิงหลิงสัมผัสได้ถึงความเศร้าของฮองเฮาอู่ เพราะเธอก็เป็นแม่คนเช่นกัน
บางครั้งเซิงเอ๋อร์ก็ทำให้เธอโกรธแทบตาย
แต่ในฐานะแม่ จะทำอย่างไรกับลูกได้ ไม่สามารถปฏิบัติกับลูกเป็นเหมือนเช่นกับศัตรูได้
พวกเธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
หวังเพียงว่าวันหนึ่ง เมื่อลูกเจอกับสถานการณ์เลวร้ายข้างนอก จะจำได้ว่าต้องกลับบ้าน!
“เจ้ากลับไปเถอะ ยุ่งมาทั้งวันแล้ว เจ้าเองก็ยังบาดเจ็บอยู่ ความหวังดีที่เจ้ามีต่อน้องแปดของเจ้า แม่เห็นและรับรู้ได้ เจ้าทำมามากพอแล้ว เขาทำให้เราผิดหวัง ไม่ต้องสนใจเขา” ฮองเฮาอู่ชำเลืองมองผ้าคลุมหน้าที่อยู่บนหน้าของเธอ จากนั้นมองไปยังหรงเยี่ยซึ่งนั่งเงียบๆอยู่ข้างเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
จากนั้นก็ก้มหน้าร้องไห้ และพูดทั้งน้ำตาว่า “หากเฉินเอ๋อร์เชื่อฟังได้ครึ่งหนึ่งของหรงเยี่ย ก็คงดี”
“เสด็จแม่.......” ไป๋ชิงหลิงพยุงแขนทั้งสองข้างของเธอ และพูดว่า “การเติบโตต้องผ่านเส้นทางที่ยากลำบากมากมาย ที่น้องแปดสามารถทำตามใจตัวเองได้ เป็นการพิสูจน์ถึงความห่วงใยที่ท่านมีต่อเขา แม่คนไหนไม่อยากให้ลูกเติบโตอยู่ในอุ้มมือตัวเองบ้าง นี่ถือเป็นความโชคดีของน้องแปด เสด็จแม่ไม่ต้องเสียใจ เขาไม่ฟังเราพูด แต่มีอีกคนที่เขาต้องฟัง!”
“ใคร? ”
“เสด็จพ่อ!” ไป๋ชิงหลิงชี้ทางให้เธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...