หรงจิ่งหลินเดินเข้าไปในห้อง และพูดกับไป๋ชิงหลิงว่า “เสด็จแม่ ข้าจะอยู่ที่นี่ ท่านกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ไป๋ชิงหลิงลูบหัวของหรงจิ่งหลิน พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ อย่าให้น้องสาวอยู่ลำพัง”
“ได้” หรงจิ่งหลินรับปากอย่างเชื่อฟัง ไป๋ชิงหลิงหันหลังและเดินออกจากห้อง แล้วปิดประตูด้วยตัวเอง จากนั้นก็หันหลังและเดินออกไป
หรงเยี่ยขมวดคิ้ว และพูดกับองครักษ์เหยี่ยวดำว่า “เข็นข้า”
องครักษ์เหยี่ยวดำเข็นหรงเยี่ยออกไปข้างนอก ไปตามไป๋ชิงหลิง เขาคว้ามือไป๋ชิงหลิงจากด้านหลัง แล้วพูดว่า “พระชายา ดึกมากแล้ว เจ้าจะไปไหน?”
“ท่านไม่ต้องสนใจข้า ปล่อยให้ข้าอยู่เงียบๆคนเดียว ท่านก็ไม่ต้องตามข้ามา” ไป๋ชิงหลิงหันหลัง ถูกเขาคว้าไว้ และค่อยๆถอยกลับมา
หรงเยี่ยมองดูมือเล็กๆที่ค่อยๆหลุดออกจากการควบคุมของเขา ขณะที่เธอกำลังจะดึงหลุดออก เขาก็กำแน่นขึ้นอีกครั้ง และพูดด้วยเสียงแข็งว่า “เจ้ากำลังสืบอะไรอยู่เบื้องหลัง? ทำไมไม่มาหาข้า หลังจากที่เจ้ากลับตำหนักมีเรื่องปิดบังข้าใช่ไหม”
“ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องสนใจข้า ท่านอย่ามายุ่ง” ไป๋ชิงหลิงสะบัดมือของเขาอย่างแรง และควบคุมอารมณ์ไม่ได้เล็กน้อย
ขณะที่เธอกำลังดึงดันกับแขนของหรงเยี่ย เขาก็ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน กอดเธอไว้แน่น และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เซิงเอ๋อร์ก็เป็นลูกของข้า เป่าลี่ว์เกิดเรื่อง นางเสียใจมาก หากเวลานี้เกิดอะไรขึ้นกับเสด็จแม่ของนาง เจ้าคิดว่านางจะเป็นอย่างไร?”
ไป๋ชิงหลิงมองเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ แต่ไม่ได้พูดอะไร
หรงเยี่ยยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าขาวซีดของเธอ “เรื่องที่เหลือปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ เจ้ากลับห้องไปนอนเถอะ วันนี้เจ้าก็ยุ่งอยู่ในวังทั้งวัน”
จู่ๆไป๋ชิงหลิงก็โผเข้าสู่อ้อมแขนของเขา กอดเขา และสะอื้นไห้เบาๆ
“ท่านไปสืบแม่นางหลิ่ว” เธอพูดด้วยเสียงเบาๆ “ข้าสงสัยว่าแม่นางหลิ่วสมรู้ร่วมคิดกับคนนอก”
“ได้ พรุ่งนี้ข้าจะให้คำตอบกับเจ้า” หลังจากพูดจบ เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขน หันกลับไปมององครักษ์เหยี่ยวดำสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูลานบ้าน
องครักษ์เหยี่ยวดำคนหนึ่งก้าวมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงข้างหนึ่ง ทำความเคารพ จากนั้นก็ลุกขึ้น และหายไปในความมืด......
หลังจากองครักษ์เหยี่ยวดำจากไป หรงเยี่ยก็อุ้มเธอกลับที่ห้อง
หลังจากที่ไป๋ชิงหลิงนอนลงบนเตียง ก็หันหลังให้หรงเยี่ย ในใจยังเป็นห่วงเซิงเอ๋อร์ เธอสามารถรู้สึกได้ว่า ตอนนี้เซิงเอ๋อร์ต่อต้านเธอ
เป่าลี่ว์คือของขวัญที่เธอมอบให้กับเซิงเอ๋อร์ เธอยังไม่ได้รับการยินยอมจากนาง ก็ให้เป่าลี่ว์ไปสืบแม่นางหลิ่ว
ส่งผลให้เป่าลี่ว์ต้องตาย
เซิงเอ๋อร์ต้องเสียใจมาก แต่ก็ไม่สามารถต่อว่าแม่ของเธอได้
เมื่อนึกได้ว่าเธอยังเด็กมาก แต่ต้องมาเจอกับเรื่องตายจาก ไป๋ชิงหลิงก็ปวดใจมาก
เธอเอามือปิดปาก เพื่อปิดกั้นเสียงร้องไห้ และร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อย
หรงเยี่ยเห็นเธอในสภาพนี้ พลิกตัวเธอกลับมา กอดเธอไว้ “ไม่สบายใจก็ร้องไห้ออกมาเถอะ”
“ท่านไปดูเซิงเอ๋อร์หน่อย นางต้องการคนปลอบใจมากที่สุด”
“ได้ ข้าต้องให้เจ้าพักผ่อนก่อน หมอเทวดาซูบอกว่าช่วงนี้สภาพจิตใจของเจ้าไม่ค่อยดี ร่างกายอ่อนแอ อย่าหักโหมมากนัก” เขาวางฝ่ามือลงบนหลังของเธอ และตบเบาๆอย่างอ่อนโยน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...