มือที่หวาดกลัวได้คว้าแขนของคนรับใช้ที่ช่วยพยุงเธอไว้โดยไม่รู้ตัว
หยิกแขนจนสีหน้าของคนรับใช้ทั้งสองเปลี่ยนไป
เธอมองไปยังติ้งเป่ยโหว จากนั้นก็มองที่ลูกชายของเธอ เจ้าของเรือนหลายคนมาถึงแล้ว เมื่อเห็นสถานการณ์ในห้อง ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ติ้งเป่ยโหวระงับความโกรธไว้ในใจ ด้วยมือที่สั่นเทา ผลักแม่นางหลิ่วออกจากขาของเขา แล้วพูดกับไป๋กัวจ้าวว่า “ไปเถอะ ไปเชิญผู้อาวุโสตระกูลไป๋และเหล่าสมาชิก ไปที่จวนติ้งเป่ยโหว........”
“อย่านะท่านอ๋องโหว” แม่นางหลิ่วรู้ดีว่า การเชิญผู้อาวุโสตระกูลไป๋ นั่นหมายความว่าวันดีๆของเธอกำลังจะสิ้นสุดลง
เธอจะไม่ใช่ฮูหยินติ้งเป่ยโหวที่ผู้คนเคารพนับถืออีกต่อไป
ไป๋อู้อี้กอดแม่นางหลิ่วและพูดว่า “พี่ใหญ่ โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ ข้ายินดีพานางออกไปจากจวนโหว”
“เจ้า.......” ติ้งเป่ยโหวจ้องไป๋อู้อี้ด้วยใบหน้าที่แดง “มายุ่งกับภรรยาของข้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”
“เจ้าอย่ามาแตะต้องข้า!” จู่ๆแม่นางหลิ่วก็ผลักไป๋อู้อี้ออก จากนั้นก็ตบหน้าของไป๋อู้อี้ ชี้หน้าไป๋อู้อี้และด่าด้วยความโกรธว่า “ใครจะไปกับเจ้า เป็นเพราะเจ้า เจ้า เจ้ากับแม่ของเจ้าบังคับข้า พวกเจ้าบังคับข้า”
“หญิงสารเลว” เมื่อฮูหยินอาวุโสได้ยินเช่นนี้ ก็ยกไม้เท้าในมือขึ้นทันที และทุบลงไปที่ร่างของแม่นางหลิ่ว
ส่วนไป๋อู้อี้ที่อยู่ข้างๆ เห็นแม่ฟาดไม้เท้าลงไป ก็ใช้ร่างกายเข้าไปบังข้างหน้าแม่นางหลิ่วโดยไม่รู้ตัว และกางแขนออกเพื่อช่วยกั้นไว้
ฮูหยินอาวุโสตกใจ มองไม้เท้าที่อยู่ในมือของเธอ จากนั้นมองไปยังไป๋อู้อี้ และร้องออกมาอย่างปวดใจว่า “ลูกเอ๋ย ทำไมเจ้าโง่เช่นนี้ เจ้าปกป้องนางทำไม นางเป็นคนใจไม้ไส้ระกำ หลังจากที่ได้เป็นฮูหยินจวนโหวก็ลืมเจ้าไปแล้ว เจ้ายังจะคิดถึงนางอีก!”
“ท่านกำลังพูดถึงอะไร?” เมื่อติ้งเป่ยโหวได้ยินคำพูดของฮูหยินอาวุโส สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
ฮูหยินอาวุโสเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองหลุดปากพูดผิดไป จึงรีบปิดปากและพูดว่า “ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น เกี่ยวกับเรื่องของเขาสองคน.......พวกเจ้าอย่าจ้องมาที่ข้า”
“ข้ารู้!” จู่ๆผู้หญิงคนหนึ่ง ก็แหวกออกมาจากฝูงชน เดินออกมา ชี้ไปที่แม่นางหลิ่วและไป๋อู้อี้แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ทั้งสองคนแอบมีความสัมพันธ์กันมานานแล้ว ฮูหยินอาวุโสก็รู้เรื่องนี้ดี”
ผู้หญิงที่กำลังพูดคือภรรยาของไป๋อู้อี้ แม่นางอู๋
เธอกัดฟันและจ้องมองที่แม่นางหลิ่วและไป๋อู้อี้ และพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ฮูหยินติ้งเป่ยโหวไม่ได้บริสุทธิ์ เดิมทีเขาทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน”
“อะไรนะ!”
“สวรรค์!”
ทันใดนั้นฮูหยินรองแม่นางหลี่ ก็อุทานออกมา เอามือปิดปากและจ้องมองที่แม่นางหลิ่วกับไป๋อู้อี้
ส่วนเจ้าของเรือนคนอื่นๆ ต่างก็แสดงสีหน้าตกใจ
เมื่อติ้งเป่ยโหวได้ยินข้อเท็จจริงนี้ เขาก็ถอยหลังไปไม่กี่ก้าว ทหารคุ้มกันที่อยู่ข้างหลังรีบพยุงเขา เขาจึงไม่ได้ล้มลง
สำหรับแม่นางหลิ่ว เธอแสดงสีหน้าที่ดุร้าย พุ่งเข้าไปหาแม่นางอู๋ และตบหน้าของแม่นางอู๋ พร้อมกับตะคอกว่า “หุบปาก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...