ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 415

สรุปบท บทที่ 415 ไป๋ชิงหลิงเสียสติ ต้องการสังหารแม่นางหลิ่ว: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

ตอน บทที่ 415 ไป๋ชิงหลิงเสียสติ ต้องการสังหารแม่นางหลิ่ว จาก ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 415 ไป๋ชิงหลิงเสียสติ ต้องการสังหารแม่นางหลิ่ว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเกิดใหม่ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ที่เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ร่างกายของนางชนเข้ากับหน้าต่างด้านหลัง กระอักเลือดออกมาในทันใด จับหน้าอกของตนเองด้วยความเจ็บปวด ร้องโหยหวนออกมา จากนั้นก็หมดสติไป

แต่ไป๋ชิงหลิงสูญเสียสติในการควบคุมตนเองทั้งหมดไป ถูกความเคียดแค้นจากเจ้าของร่างเดิมครอบงำ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ต้องการแก้แค้นแม่นางหลิ่ว

ดังนั้นนางจึงตะโกนใส่แม่นางหลิ่วว่า “นางอสรพิษ อสรพิษอย่างเจ้า เหตุใดถึงต้องทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ด้วย ปล่อยข้า ข้าจะสังหารนาง......”

“พระชายา!” หรงเยี่ยกอดนางไว้แน่น ในตอนที่นางเสียสติ เขาเองก็ตะคอกออกมา

แต่หูทั้งสองข้างของไป๋ชิงหลิงสูญเสียการรับรู้ทางด้านการได้ยิน นางไม่ได้ยินคำพูดของหรงเยี่ยเลยแม้แต่น้อย “ข้าจะสังหารนาง จะสังหารนาง......”

“แง่ง......” ไป๋ชงเซิงและหรงจิ่งหลินเห็นท่าทางเช่นนั้นของไป๋ชิงหลิงก็รู้สึกตกใจกลัวขึ้นมา

เด็กทั้งสองกอดกันและร้องไห้ออกมาดังลั่น

หลังจากหรงเยี่ยได้เห็นเช่นนั้น เขาจึงยกฝ่ามือของเขาขึ้นและฟาดไปบนต้นคอของไป๋ชิงหลิง

ไป๋ชิงหลิงหมดสติไปในทันที นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของหรงเยี่ย

หรงเยี่ยอุ้มนางขึ้นมา จ้องไปที่แม่นางหลิ่วด้วยดวงตาอันเหี้ยมโหด “จัดการให้เรียบร้อย”

“ขอรับ!” อิงซายกร่างของแม่นางหลิ่วขึ้น รีบเดินทางออกจากจวนติ้งเป่ยโหวอย่างรวดเร็ว เพื่อหาสถานที่ในการทำลายร่างของแม่นางหลิ่ว

หลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับแม่นางหลิ่วทุกประการก็เดินออกมาจากด้านใน พร้อมกับแบกรับชื่อของ “แม่นางหลิ่ว” เอาไว้

ทางด้านของไป๋ชิงหลิงก็กำลังเผชิญหน้ากับฝันร้ายอย่างยาวนาน

ในฝัน เจ้าของร่างเดิมกำลังดิ้นรนอยู่ในกรง “ข้าจะออกไป ข้าคือไป๋ชิงหลิงตัวจริง เจ้ามันตัวปลอม เจ้ายึดร่างของข้า แต่กลับไม่ช่วยข้าแก้แค้น เจ้าคิดจะไว้ชีวิตของนาง เจ้ามันผู้หญิงเห็นแก่ตัว”

ไป๋ชิงหลิงยืนอยู่ด้านนอกของกรง พูดกับเจ้าของร่างเดิมว่า “เจ้านั่นแหละที่เป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัว เพื่อการแก้แค้น เจ้าไม่สนใจว่าชีวิตของเด็กทั้งสองจะต้องตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ ข้าขอเตือนเจ้า......เจ้าห้ามออกมาอีกเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะพาร่างกายนี้ของเจ้าไปสู่ความตายอีกครั้งหนึ่ง!”

“อย่า อย่านะ......”

ดวงตาของไป๋ชิงหลิงเบิกกว้างอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหอบ

ชายที่อยู่ข้างกายของนางกุมมือของนางไว้แน่น จากนั้นถามออกมาว่า “ฟื้นแล้วงั้นหรือ?”

ไป๋ชิงหลิงหันกลับมาเห็นหรงเยี่ย นางลุกขึ้นมานั่ง มือทั้งสองข้างโอบกอดร่างกายของหรงเยี่ย จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา “หรงเยี่ย!”

“หรงเยี่ย!”

นางพึมพำออกมาสองครั้งด้วยความรู้สึกวิตกกังวล เกรงว่าวันใดวันหนึ่งนางจะต้องจากโลกนี้ไป เรื่องราวและคนที่อยู่ที่นี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง และจะมีผู้หญิงอีกคนเข้ามาแทนที่ในร่างกายที่นางใช้อยู่ในตอนนี้ และมีชีวิตอยู่ในฐานะและชื่อของนางต่อไป

แม้ว่านางเองก็เข้ามาอยู่ในร่างของคนอื่นเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป

แต่นี่ก็ผ่านมาหกปีแล้ว นางคุ้นเคยกับร่างนี้ และในบางครั้งนางก็รู้สึกว่านางคือไป๋ชิงหลิง ไป๋ชิงหลิงก็คือนาง

และพวกนางก็เป็นหนึ่งเดียวกัน

“ฝันงั้นหรือ?” หรงเยี่ยกล่าวอย่างอ่อนโยน มือของเขาลูบไปบนแผ่นหลังของนาง

น้ำตาของไป๋ชิงหลิงไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ กอดร่างของเขาไว้แน่น พยักหน้าและกล่าวออกมา “ใช่ เป็นฝันที่เลวร้ายอย่างมาก ข้าฝัน......ฝันว่าข้าไม่ใช่ตัวเอง ข้าฝันเห็นผู้หญิงอีกคนที่จะเข้ามาแทนที่ข้า และเป็นพระชายาของเจ้า”

“หรงเยี่ย!”

“เรียกอีกครั้ง”

“หรงเยี่ย หรงเยี่ย ข้าไม่มีวันจำผิด เจ้าคือผู้ชายคนแรกของข้า......”

มุมปากของหรงเยี่ยยกขึ้น ความหดหู่ที่ถูกเก็บกดมานานก็สลายไปในทันที

ตอนค่ำ หรงเยี่ยและไป๋ชิงหลิงพาลูกทั้งสองคนไปทานอาหารที่ลานของติ้งเป่ยโหว

หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ติ้งเป่ยโหวก็มาส่งพวกเขาออกจากจวนด้วยตัวเอง

ไป๋ชงเซิงเห็นดวงตาที่บวมแดงของเขา เดินเข้าไปด้วยความเจ็บปวด ลูบฝ่ามือของติ้งเป่ยโหว จากนั้นกล่าวว่า “ท่านปู่ ท่านยังมีข้า ยังมีแม่ของข้า และยังมีท่านพ่อและพี่ชายของข้า พวกข้าล้วนเป็นญาติของท่าน หลังจากนี้หากใครมารังแกท่าน ท่านก็มายังจวนอ๋องหรง มาหาท่านแม่และท่านพ่อของข้า เท่านั้นก็พอแล้ว”

ติ้งเป่ยโหวคุกเข่าลงข้างหนึ่ง โอบกอดเด็กทั้งสองคนไว้ในอ้อมแขน อดทนต่อความเจ็บปวดในหัวใจของนางและกล่าวว่า “ได้ พวกเจ้ากลับไปจวนของพวกเจ้าเถิด ข้าไม่......”

จู่ ๆ เขาก็ลำสักและพูดไม่ออก กอดเด็กทั้งสองคนเอาไว้และร้องไห้ออกมา

ไป๋กัวจ้าวเห็นแล้วไม่สบายใจ พยุงติ้งเป่ยโหวขึ้นมา ติ้งเป่ยโหวทำความเคารพต่อหรงเยี่ย จากนั้นก็หันกลับไปและเดินเข้าไปในจวนติ้งเป่ยโหว

ไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร

หลังจากที่ติ้งเป่ยโหวเข้าไปในจวนได้ไม่นาน ไป๋กัวจ้าวก็เดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับสร้อยข้อมือสีแดงในมือ......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น