“ท่านพ่อ” ไป๋ชิงหลิงน้ำตาคลอ นางมองดวงตาที่ปกคลุมด้วยน้ำตาของติ้งเป่ยโหวแล้วเริ่มรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าพวกเขาเป็นพ่อและลูกสาวกันทั้งในอดีตและปัจจุบัน
นางไม่ใช่นักเดินทางข้ามเวลา
มันมาจากการเดินทางไกลเพื่อกลับร่างเดิม
ความรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจนางเป็นเรื่องจริงเช่นกัน
ไป๋ชิงหลิงคว้าเสื้อผ้าของติ้งเป่ยโหวแล้วกล่าวว่า “ข้าคือชิงหลิง”
ติ้งเป่ยโหวตกตะลึง สีหน้าเขาแข็งทื่อ
ไป๋ชิงหลิงกล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้ามีนามว่าชิงหลิง ไป๋ชิงหลิง ข้าไม่ใช่เจาเสวี่ย ข้ายังมีชีวิตอยู่...”
“ชิงหลิง!!” เมื่อนามไป๋ชิงหลิงที่ถูกเรียกออกมา เสียงติ้งเป่ยโหวก็สั่นเครืออย่างรุนแรง เขาจับแขนนางแล้วพยุงนางขึ้นจากพื้น “เจ้าคือชิงหลิง เจ้าจะเป็นชิงหลิงได้อย่างไร ยามนั้นนาง...ยามนั้น”
ติ้งเป่ยโหวน้ำตาไหลด้วยความดีใจ ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยน้ำตา
มือที่จับไป๋ชิงหลิงก็สั่นเทาเช่นกัน
“ข้ายังไม่ตาย ศพที่มาแทนที่ข้าคือร่างของหงยา เพราะเช่นนั้นอ๋องต้วนและไป๋จิ่นจึงไม่รู้ว่ายามนั้นข้าหนีออกจากจวนอ๋องต้วนมาได้” ไป๋ชิงหลิงสะอื้น
ทันใดนั้นติ้งเป่ยโหวก็หันกลับมา ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นกอดนางร่ำไห้
เขามีความสุขมาก แต่เขาไม่รู้ว่าจะแสดงความดีใจและวิตกกังวลนี้อย่างไร
ไป๋ชิงหลิงยืนอยู่ที่จุดเดิมไม่ขยับไปไหน นางพูดต่อ “หลังจากข้าออกจากจวนอ๋องต้วน ข้าเอาลูกอีกคนออกจากท้องโดยวิธีผ่าคลอด ออกไปทางเส้นทางสายเล็กหลังสวนเล็กๆ ของจวนติ้งเป่ยโหวของเรา โชคดีที่ท่านพ่อเคยพาข้าไปดูทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่นั่น มันช่วยชีวิตทั้งยังช่วยชีวิตเซิงเอ๋อร์เอาไว้”
“ระหว่างทางข้าได้พบสามีภรรยาแซ่หยาง พวกเขาพาข้ากับเซิงเอ๋อร์กลับเรือน ช่วยข้าป้อนนมลูกและรักษาอาการบาดเจ็บ ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไปเป็นเวลาสิบเดือน ยามข้าตื่นขึ้นเซิงเอ๋อร์ก็เดินได้แล้ว ข้ากลับไปทำงานที่เดิม เดินทางไปหยานหนาน ก่อนจะพบแดนสวรรค์และเริ่มฝึกฝนการแพทย์เพื่อช่วยชีวิตผู้คน จากนั้นข้าก็ได้ยินว่าท่านพ่อเดินทางมาหยานหนาน”
หลังจากติ้งเป่ยโหวฟังจบ เขาใช้เวลานานมากกว่าจะกลับมามีสติ
เขาลุกขึ้นยืน ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ “เป็นอ๋องต้วนที่ทำร้ายเจ้าจนเป็นเช่นนั้น!”
“ข้าจะไม่ปล่อยเขาและไป๋จิ่นไป ยังมีแม่นางหลิ่วและพระสนมเอกหรง...”
“ท่านพ่อ!” ไป๋ชิงหลิงส่ายหัว หยุดความคิดของเขา “ท่านเป็นครอบครัวของข้า คนเหล่านี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าและท่านอ๋องหรงได้ไหม?”
“แต่ข้าไม่ยอม” ติ้งเป่ยโหวกำหมัดแน่น ความไม่ยินยอมยังมีในใจเขา นั่นก็เพราะเขาคิดถึงแม่ผู้ให้กำเนิดไป๋ชิงหลิง “เจ้าเห็นกำไลของแม่หรือยัง?”
ไป๋ชิงหลิงหยิบกำไลหยกโลหิตที่ไป๋กัวจ้าวมอบให้ออกมาจากอกเสื้อของนาง “นี่เป็นของจากท่านแม่ของข้าหรือ?”
“ใช่ นางให้ข้าไว้ก่อนนางจะออกจากค่ายทหารไป ยามนั้นข้ายังหัวเราะเยาะนาง มันไม่ใช่การอำลาแบบเป็นตาย นางยังทำอะไรให้น่าสมเพชขนาดนี้ แม่ของเจ้ายังโผเข้ากอดข้าแล้วร่ำไห้อยู่ในอ้อมแขนข้า ยามนั้นข้าไม่รู้เลยว่านางลำบากมากเพียงนี้” ยามเขานึกถึงคนรักที่แท้จริงของตนและอีกคนที่มาอยู่ข้างกาย ติ้งเป่ยโหวรู้สึกว่าเขามีชีวิตอยู่อย่างไร้ประโยชน์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
หากเขามีโอกาสอีกครั้ง เขาหวังว่าเขาจะไม่พบนางในชีวิตนี้จนทำให้ชีวิตที่เหลือของนางต้องทนทุกข์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...