ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 432

สรุปบท บทที่ 432 พระชายาหรงตัดเชือก: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

อ่านสรุป บทที่ 432 พระชายาหรงตัดเชือก จาก ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา

บทที่ บทที่ 432 พระชายาหรงตัดเชือก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเกิดใหม่ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เขาสามารถถอยให้กับทุกสิ่ง แต่นี่คือสิ่งที่เป็นขีดจำกัดของเขา

การจากไปของฉุ๋ยฮองเฮาคือบาดแผลของเขา เขาปกป้องศพของฉุ๋ยฮองเฮาไว้ เพื่อจะได้ฝังลงไปพร้อมกับนางในร้อยปีต่อมา

ไม่อาจเกิดมาร่วมกันได้ แต่สามารถตายไปด้วยกันได้!

หากใครเข้ามาแตะต้องขีดจำกัดของเขา เขาไม่สนว่าจะต้องแลกด้วยอะไร เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีพของอีกฝ่ายมาให้ได้

ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็น......ลูกของเขากับฉุ๋ยฮองเฮาก็ตาม

ไป๋ชิงหลิงซึ่งถูกแขวนไว้ด้านบน นางมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน

สองพ่อลูกเผชิญหน้ากันด้วยดาบ นี่คือความเศร้าโศกของจักรพรรดิ

และเรื่องทั้งหมดก็เกิดขึ้นเพราะนาง

นางหยิบกรรไกรออกมาจากห้วงมิติเวลา ตัดเชือกที่รัดข้อมือของนางอยู่ ทำให้เชือกขาดในทันใด!

ร่างกายของนางตกลงอีกครั้ง เพียงแต่บนร่างร่างกายของนางยังมีเชือกที่รักษาความปลอดภัยของนางอยู่ ดังนั้นเชือกที่รัดคอของนางจึงยังพอมีที่ว่างกับคอของนาง

ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำตะโกนออกมา “นายท่าน พระชายาตัดเชือกขาดแล้ว”

หยางสวี่อี้เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าเชือกเส้นสุดท้ายบนร่างกายของไป๋ชิงหลิงกำลังจะขาดลง เขาก็สั่งออกมาด้วยเสียงอันเคร่งขรึม “หากเจ้าอยากตายก็เชิญ ลูกธนูนับหมื่นกำลังเล็งไปที่เจ้า ข้าจะทำให้เจ้าสมความปรารถนา และให้พวกเจ้าได้ตายไปด้วยกัน”

ร่างกายของไป๋ชิงหลิงสั่นเทา ดวงตาที่แดงก่ำจ้องมองมาที่หยางสวี่อี้ด้วยความโกรธ “เจ้ากล้างั้นหรือ!”

“เจ้าก็ลองดูว่าข้ากล้าหรือไม่ รอให้พวกเจ้าสองคนตายไปแล้ว ข้าจะส่งลูกของพวกเจ้าตามไปลงนรก” เพื่อที่จะทำให้ไป๋ชิงหลิงล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตาย หยางสวี่อี้จึงกล่าวเสริมออกมาว่า “แม้แต่อาจิข้าก็สังหารมาแล้ว แน่นอนว่าไม่มีทางมีเยื่อใยกับเซิงเอ๋อร์”

“เจ้า......”

“อึก!” ความโกรธของไป๋ชิงหลิงพุ่งถึงขีดสุด นางกระอักเลือดออกมา

หรงเยี่ยตะโกนออกมาด้วยความเป็นห่วง “พระชายา อย่าทำอะไรผลีผลาม”

“ข้าจะให้เวลาเจ้า ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะนำศพของฉุ๋ยฮองเฮาออกมา ก่อนหน้านั้น ข้ารับประกันว่าผู้หญิงของเจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย” หยางสวี่อี้กล่าวออกมา

ไป๋ชิงหลิงส่ายหน้าพร้อมคำรามออกมา “อย่าทำเช่นนั้น ห้ามทำเช่นนั้นเป็นอันขาด นางคือเสด็จแม่ของเจ้า หากเจ้านำนางออกมาจากสุสานจักรพรรดิเพื่อข้า เช่นนั้นข้ากับเจ้า......ก็คงไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ เจ้าอย่าทำเรื่องที่ทำให้ข้าต้องสะเทือนใจถึงเพียงนี้”

แม้ว่าเขาจะไม่เคยเอ่ยถึงฉุ๋ยฮองเฮาต่อหน้านาง แต่ในใจของนางนั้นรู้ดี ฉุ๋ยฮองเฮาคือแสงสว่างในวันเด็กของเขา

นางคือคนในครอบครัวที่มีค่ามากที่สุดของเขา

ต่อให้นางต้องตาย เขาก็ไม่อาจมองข้ามความสำคัญของคนในครอบครัวผู้นี้ไปได้

หากเอานางและฉุ๋ยฮองเฮามาเปรียบเทียบกันในหัวใจของหรงเยี่ย เช่นนั้นความสำคัญของทั้งสองก็อยู่ในแนวทางที่ต่างกันออกไป

ก่อนหน้านี้นางรู้สึกเกลียดเป็นอย่างมากที่หรงเยี่ยลงมือกับคนของตระกูลหยาง แต่เวลานี้นางรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับสถานการณ์ในปัจจุบันของหรงเยี่ย

หากนางเลือกที่จะเชื่อเขา ให้เวลากับเขาอีกสักหน่อย วันนี้และเวลานี้ก็คงไม่ต้องมาพบเจอกับเรื่องยากลำบาก ชิงอีก็ไม่จำเป็นต้องตาย

และด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด หากนางต้องจบชีวิตลงที่นี่ มันก็เป็นเรื่องที่สมควร

แต่จักรพรรดิเหยาไม่ได้รู้สึกเห็นใจในคำพูดและวิธีการของไป๋ชิงหลิง “พลธนู”

ไทเฮาเป็นลมและหมดสติในทันที

และฮองเฮาอู่ที่ประคองไทเฮาอยู่ก็ปล่อยมือในทันที พุ่งออกไปหาหรงจิ่งหลินอย่างรวดเร็ว ปกป้องหรงจิ่งหลินไว้ในที่ปลอดภัย

ในขณะเดียวกัน ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำก็กระโดดขึ้นด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ทำลายลูกธนูเหล่านั้น

หรงเยี่ยเองก็ลุกขึ้นมาจากรถเข็น ร่างสีม่วงของเขาผ่านสายตาของทุกคนไปราวกับแสง เพียงชั่วพริบตา เขามาอยู่ด้านหน้าเพื่อปกป้องฮองเฮาอู่และลูกของเขา

สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจ ตกใจที่ได้เห็นชายผู้ซึ่งลุกขึ้นมาจากเก้าอี้

ในตอนนั้นเขาคุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่ง กวัดแกว่งดาบในมือ ปกปัดลูกธนูจำนวนมากที่ยิ่งเข้ามา

สายลมอันรุนแรงพัดเข้ามากระทบร่างกายของพลธนู กวาดสายธนูหลุดจากมือของพลธนู ทำให้ธนูหักเป็นสองท่อน

ในตอนนั้นจักรพรรดิเหยาถึงได้สติกลับคืนมา เขามองไปยังธนูที่ถูกหรงเยี่ยทำลายด้วยความโกรธ ตะโกนออกมาว่า “หรงเยี่ย เจ้าคิดจะต่อต้านข้าอย่างนั้นหรือ?”

“แม่ทัพเสิ่น ปกป้องฮองเฮา” หรงเยี่ยเหลือบตามองเสิ่นหรูเหลียนที่วิ่งเข้ามาในสุสานจักรพรรดิ

เสิ่นหรูเหลียนเป็นหัวหน้ากองกำลังที่ปกป้องสุสานจักรพรรดิอยู่ด้านนอก และการที่เขาเข้ามาด้านในก็แสดงว่าสถานการณ์นั้นค่อนข้างร้ายแรง

เขาเดินไปสั่งให้คนพาฮองเฮาอู่และซื่อจื่อน้อยกลับไปส่งยังสุสานจักรพรรดิ

หรงจิ่งหลินถูกองครักษ์แบกไว้ด้านหลัง เขาพยายามขัดขืนอย่างสุดชีวิต “เสด็จแม่ อย่าสังหารเสด็จแม่ของข้า เสด็จปู่ อย่าสังหารเสด็จแม่ของข้า จิ่งหลินไม่ต้องการเป็นท่านอ๋องน้อย ไม่ต้องการชีวิตที่สุขสบาย ข้าเพียงต้องการเสด็จแม่ของข้าเท่านั้น......” 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น