แม้แต่เขายังหวั่นไหว นับประสาอะไรกับอ๋องหรง
“ผู้หญิงที่เขาสนใจมีน้อยมาก เมื่อผู้หญิงที่ถูกใจของเขาต้องมาเผชิญหน้ากับความตาย และอาเสวี่ยก็เป็นผู้มีชีวิตรอดแต่เพียงผู้เดียว ข้าคิดว่าเขาจึงอาจหวั่นไหวกับเจ้า ดังนั้น......ข้าจึงรอโอกาสมาโดยตลอด” หยางสวี่อี้กล่าวออกมาโดยไม่ปิดบัง บอกความจริงกับนางอย่างตรงไปตรงมา
ไป๋ชิงหลิงคุกเข่าข้างหนึ่งไว้บนเตียง ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ
ในตอนนั้นมือทั้งสองข้างของนางถูกรั้งเอาไว้ด้วยโซ่เหล็ก
นางเดินตรงไปยังหยางสวี่อี้ ตะคอกออกมาด้วยเสียงอันแหบแห้ง “เพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับอ๋องหรง เจ้าไม่สนใจว่าตนเองจะบาดเจ็บหรือล้มตาย หลอกได้แม้กระทั่งความตายของเด็ก ทำให้ข้าสงสัยในตัวอ๋องหรง จากนั้นเจ้ายังสังหารชิงอี สิ่งที่พวกเจ้าทำลงไป มีอีกมากมายแค่ไหนที่ข้ายังไม่รับรู้”
ในตอนที่นางพูดประโยคสุดท้ายออกมา ร่างกายของนางก็สั่นไปมาอยู่สองสามครั้ง
มีอาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง
หยางสวี่อี้ก้าวไปด้านหน้า ยื่นมือออกไปจับด้านหลังของนางไว้เพื่อพยุงร่างของนาง
และในตอนที่ไป๋ชิงหลิงทรงตัวได้ นางใช้ข้อศอกของนางกระแทกเพื่อสลัดเขาออกไปอย่างรุนแรง “อย่ามาแตะต้องตัวข้า”
หยางสวี่อี้ถอยหลังมาสองสามก้าว “อาเสวี่ย เจ้านอนลงไปเถิด ตอนนั้นร่างกายของเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส บาดเจ็บถึงรากฐาน เวลานี้เพิ่งจะหยุดจากการเดินทางไกล ร่างกายของเจ้าคงจะอ่อนแอมากแล้ว”
“เจ้าหยุดเสแสร้งได้แล้ว” ไป๋ชิงหลิงตวาดออกมาด้วยความโกรธ หลังจากนั้นก็พุ่งชนเขาอย่างแรง
แต่หยางสวี่อี้เป็นคนที่ฝึกวรยุทธ์ การเคลื่อนไหวของนาง เขาไม่จำเป็นต้องขยับหรือเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ร่างกายของนางกลับไปที่เตียง นั่งลงอยู่บนนั้นอย่างรุนแรง
คนของตระกูลเก๋อรู้สึกสงสารนาง ไม่อาจปกปิดความจริงในอดีตได้ “อาเสวี่ย ตอนนั้นองค์รัชทายาทเป็นคนช่วยเจ้า ไม่ใช่พวกข้า ในตอนที่เจ้าบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาทพาเจ้าไปยังเกาะเซียนซานเพื่อตามหาหมอเทวดา เพื่อทำการรักษาให้เจ้า และที่ข้าให้นมแก่องค์หญิงเซิง นั่นเป็นเพราะองค์รัชทายาทขอให้พวกเราเป็นแม่นมให้องค์หญิงเซิง พวกเราไม่ใช่ผู้มีพระคุณของเจ้า คนที่ช่วยเจ้าไว้คือองค์รัชทายาท”
ในตอนที่ไป๋ชิงหลิงได้ยินความจริงของเรื่องราวอีกครั้ง นางก็ไม่ได้กระสับกระส่ายหรือตกใจเหมือนก่อนหน้านี้
ในตอนที่หยางสวี่อี้ออกมาจากสุสานจักรพรรดิ ฉุ๋ยฮองเฮาก็พอจะเดาได้ เบื้องหลังของชายผู้นี้ปกปิดความลับไว้มากมาย วางแผนและโกหกนางอีกหลาย ๆ เรื่อง
นางนั่งอยู่ด้านข้างเตียงไม้ มองมาที่หยางสวี่อี้อย่างเฉยเมย ถามกลับมาว่า “เวลานี้พวกเราทั้งสองก็ไม่ติดค้างอะไรกันแล้ว”
“แม่นางเสวี่ย ขอโทษที่พวกข้าทำร้ายเจ้า หลอกใช้เจ้า แต่......พวกเราเองก็มีเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน” หยางอู๋ชื่อกล่าวออกมา
นางหันกลับไปมองหยางเฉิงเย่และภรรยาของเขา “พวกเราคือคนของแคว้นฉี พวกเราแบกรับความแค้นเลือด และอ๋องหรง เขาสังหารลูกของข้าไปสองคน ครอบครัวของพวกข้าไม่เหลือแล้ว คนในแคว้นหรงต่างกล่าวว่า ขอแค่คนของแคว้นฉียอมจำนน พวกเขาก็จะปฏิบัติกับพวกเราอย่างเท่าเทียม แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...