เมื่อหลวนอี๋มาถึง ทำให้ความคิดและสติของจักรพรรดิเหยากลับคืนมา
เขาเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาเย็นชาและน่ากลัว พูดกับหลวนอี๋ด้วยความอดทนที่มีน้อยกว่าปกติ “ใครอนุญาตให้เจ้าพูดกับข้าเช่นนี้”
หลวนอี๋ยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ ร้องไห้จนดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ “เสด็จแม่ไม่อยากใช้ชีวิตหลังความตายอยู่ในโลงน้ำแข็ง ทุกครั้งที่นางไปกราบไหว้เสด็จแม่ฉุ๋ย นางมักจะกระซิบข้างหูข้า เสด็จแม่ฉุ๋ยจะหนาวหรือไม่ เสด็จแม่กล่าวว่า นางกลัวหนาว หากวันหนึ่งนางจากไปแล้ว ก็ให้เผาร่างของนางเสีย นางชอบที่จะออกไปดูโลกภายนอกมากกว่า”
“หุบปาก!” จักรพรรดิเหยาตะคอกออกมา หลังจากนั้นก็หยิบถ้วยชาซึ่งอยู่ด้านข้างขว้างปาลงพื้นอย่างแรง
หลวนอี๋ตกใจเป็นอย่างมาก ถอยไปด้านหลังสองสามก้าว น้ำตาของนางยังคงไหลออกมา มองถ้วยชาที่แตกสลายเหล่านั้นด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับกล่าวว่า “นั่นคือสิ่งที่เสด็จแม่ใช้อยู่เป็นประจำ”
ร่างกายของจักรพรรดิเหยาแข็งทื่อ ก้มลงไปมองเศษซากที่แตกสลายอยู่บนพื้น จากนั้นก็หยิบถ้วยที่อยู่ด้านข้างอีกใบหนึ่งขึ้นมา
นั่นคือถ้วยที่เขาใช้เป็นประจำในตอนที่มายังตำหนักเฟิ่งหลวน
ในตอนที่เขายกถ้วยนี้ขึ้นมา ฝ่ามือของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
หานยู่......
“เจ้าออกไปก่อน ข้าอยากอยู่คนเดียว” เสียงของจักรพรรดิเหยาไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความอบอุ่น
จู่ ๆ หลวนอี๋ก็คุกเข่าลง
จักรพรรดิเหยาเงยหน้ามองนางด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดจนแสนจะทน “หลวนอี๋ ข้าไม่มีอารมณ์”
“เวลานี้ข้าเข้าใจอารมณ์ของพี่เจ็ดในตอนนั้นแล้ว” จู่ ๆ หลวนอี๋ก็เยือกเย็นขึ้นมาในทันใด ดวงตาที่แดงก่ำทั้งสองข้างของนางเบิกกว้าง จ้องมองมาที่จักรพรรดิเหยา
หลังจากเสด็จแม่ของนางจากไป นางก็ไร้ครอบครัว
เหมือนกับพี่เจ็ดในตอนนั้น......
นางกลายเป็นคนที่ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรัก เสด็จพ่อเป็นเพียงแค่คำเรียกเท่านั้น ชายที่นั่งอยู่ตรงนั้น เป็นแค่จักรพรรดิที่โหดเหี้ยมและเย็นชา
จักรพรรดิเหยาขมวดคิ้ว จ้องมองไปยังคนที่คุกเข่าอยู่ในห้องโถง ในใจของเขาไร้ซึ่งความรู้สึก......
หลวนอี๋เห็นการแสดงออกบนใบหน้าของเขา รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
น้ำตาไหลออกมาเต็มใบหน้าของนาง แต่นางยังคงฝืนยิ้มออกมา “เสด็จแม่ฉุ๋ยจากไปเพราะเสด็จพ่อ หรือพูดอีกอย่างก็คือ เสด็จพ่อเป็นคนสังหารนาง และในวันที่เสด็จแม่อยู่ในสุสานจักรพรรดิ นางไม่จำเป็นต้องตาย แต่เพื่อปกป้องร่างของเสด็จแม่ฉุ๋ย เสด็จพ่อสังหารเสด็จแม่อย่างไร้ความปรานี เวลานี้เสด็จพ่อนั่งอยู่บนบัลลังก์และกำลังตำหนิลูกอยู่ ท่านเคยคิดถึงเรื่องที่ท่านปฏิบัติกับพี่เจ็ดในปีนั้นหรือไม่......”
“หลวนอี๋!” จักรพรรดิเหยากำถ้วยในมือของเขาไว้แน่น
จากนั้นก็ได้ยินเสียง “แกร๊ก” ถ้วยชาในมือของเขากลายเป็นผุยผง
เขาตวาดออกมาอย่างเยือกเย็น “ออกไป!”
“ข้าจะไม่ไปไหน หากวันนี้เสด็จพ่อไม่ยอมฝังร่างของเสด็จแม่ ข้าก็จะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ลุกไปไหน ข้าไม่อยากให้เสด็จแม่เป็นเหมือนเสด็จแม่ฉุ๋ย ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลังจากตายไปแล้วกลับถูกผู้อื่นขโมยร่างของนางออกไป”
“เข้ามา!” จักรพรรดิเหยาโกรธขึ้นมาทันที เขายืนขึ้นและตะคอกออกมาด้วยความโกรธ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...