ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 439

สรุปบท บทที่ 439 หลวนอี๋ถูกจับตัว: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

ตอน บทที่ 439 หลวนอี๋ถูกจับตัว จาก ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 439 หลวนอี๋ถูกจับตัว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเกิดใหม่ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ที่เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ในขณะที่ไป๋ชิงหลิงปิดประตู นางเอนกายเข้าไปในอ้อมแขนของหรงเยี่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง จากนั้นกล่าวออกมาว่า “ข้าเป็นคนทำร้ายองค์หญิง”

“พระชายา” หรงเยี่ยขมวดคิ้ว โอบกอดร่างกายของนาง ตบหลังของนางเบา ๆ พร้อมกล่าวว่า “ข้าไม่มีทางปล่อยให้หลวนอี๋อยู่ที่นั่นนานเกินไป”

“เจ้าจะพาตัวหลวนอี๋ออกมา?” ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นพร้อมตั้งคำถาม

หรงเยี่ยก้มหน้ามองนาง ริมฝีปากสัมผัสลงบนหว่างคิ้วของนาง “หากพระชายาคิดถึงนาง ข้างก็จะพานางมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า สถานที่ในพระราชวังเป็นเพียงหลุมฝังศพเท่านั้น ชีวิตของหลวนอี๋ก็แค่ถูกผูกมันด้วยอะไรบางอย่าง แต่ในเมื่อเสด็จแม่ของนางจากไปแล้ว......ชายผู้นั้นก็จะไร้ความเมตตากับนางอีกต่อไป!”

“เพราะเหตุใด?” ความทรงจำที่นางมีต่อจักรพรรดิเหยาเป็นความทรงจำในทางที่ดีมาโดยตลอด แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงเพราะเรื่องของฉุ๋ยฮองเฮา มันจะทำให้เขาน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้

“เหตุใดเขาต้องทำเช่นนี้ หลวนอี๋เป็นเด็กที่เกิดจากเขาและฮองเฮา เหตุใดเขาปฏิบัติกับหลวนอี๋เช่นนี้ แค่เรื่องที่หลวนอี๋สูญเสียเสด็จแม่มันก็เป็นความโศกเศร้าที่มากเกินจะแบกรับ เวลานี้สิ่งที่นางต้องการมากที่สุดก็คือคำปลอบใจจากเสด็จพ่อ” ไป๋ชิงหลิงไม่อาจจินตนาการได้ เด็กตัวเล็ก ๆ ที่วิ่งเล่นไปทั่วพระราชวัง สุดท้ายชีวิตกลับถูกบีบคั้นจนไม่อาจยิ้มออกมาได้อีก

ทั้งหมดเป็นเพราะนาง!

ไป๋ชิงหลิงยกมือขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ตบใบหน้าของตนเองอย่างแรง

หัวใจของหรงเยี่ยบีบรัด รีบจับข้อมือของนางทันที ขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “อาหลิง ห้ามทำร้ายตัวเอง”

“ข้าทำให้ครอบครัวที่แสนสุขต้องพังพินาศ ทำให้ท่านต้องเสียงเสด็จแม่ ทำให้หลวนอี๋ต้องสูญเสียแม่ผู้ให้กำเนิด เวลานี้ข้ายังได้รับความรักจากเจ้าอย่างเห็นแก่ตัว ข้าเป็นเพียงผู้หญิงที่ชั่วร้าย หรงเยี่ย เจ้ากลับเมืองหลวงไปเถิด ข้าไม่อาจผูกมัดเจ้าไว้ข้างกายได้!” จู่ ๆ นางก็ผลักเขาออกไป ไม่อาจทำใจกับสิ่งที่ตนเองทำลงไปได้ ครอบครองความรักที่ชายผู้นี้มีให้อย่างสุขใจ ทำให้อีกฝ่ายต้องทอดทิ้งครับครอบที่อยู่ในเมืองหลวง

เขายังมีลูก มีไทเฮา มีลูกของฮองเฮาอู่ที่นางทิ้งไว้ รวมถึง......เสด็จพ่อผู้ให้กำเนิดของเขา

เนื่องจากจักรพรรดิเหยาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของฉุ๋ยฮองเฮา จึงยากที่จะรับประกันว่าจะไม่มีใครฉวยโอกาสนี้เพื่อสร้างความขัดแย้ง

เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสายเลือดที่ฮองเฮาอู่ทิ้งไว้

แต่เดิมขาของอ๋องเฉินก็มีร่องรอยของการบาดเจ็บ เวลานี้คนในเมืองหลวงอันตรายเสียยิ่งกว่าคนที่อยู่ด้านนอกแบบนางเสียอีก

และสิ่งที่นางกลัวมากที่สุดก็คือ อาจมีใครบางคนลงมือกับลูกทั้งสองของนาง!

“เจ้ากลับไปเถอะ!” นางผลักเขามาที่หน้าประตู ยื่นมือออกไปเปิดประตูให้เขา

หรงเยี่ยยกมือขึ้นแล้วกระแทกแผงประตู จ้องมองหญิงตัวน้อยด้วยความโกรธและพูดว่า “พระชายา เจ้าลืมคำพูดที่ข้าเคยพูดเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ไปหมดแล้วงั้นหรือ?”

“ข้าไม่ลืม ข้าไม่ได้ลืม” ไป๋ชิงหลิงจับแขนเสื้อของเขาไว้แน่น นางเองก็ไม่อยากให้เขากลับไป แต่นางรู้สึกว่าการที่ให้เขากลับไปเมืองหลวงนั้นเป็นสิ่งที่สมควรกว่า

สิ่งที่จักรพรรดิเหยาต้องการตอนที่อยู่ในสุสานจักรพรรดิก็คือชีวิตของนาง

“เป็นเพราะข้ายังไม่ลืม ดังนั้นข้าจึงไม่ควรรั้งเจ้าไว้ที่นี่ เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ขึ้นในพระราชวัง ราชสำนักไม่มั่นคง มีท่านอ๋องมากมายที่ต้องการครอบครองอำนาจ เสด็จแม่จากไปแล้ว น้องแปดมีหัวใจที่บริสุทธิ์ แต่ข้างกายของเขามีเสิ่นโหรวเม่ยที่ชอบทำตัวแปลก ๆ เจ้าสามารถวางใจโดยไม่สนใจพวกเขาได้จริงงั้นหรือ?”

ในตอนที่ไป๋ชิงหลิงพูดถึงคนเหล่านี้ เหงื่อเย็นก็ค่อย ๆ ไหลออกมาจากหัวใจของนาง

หากเกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนี้เพราะนาง นางคงเป็นบาปไปชั่วชีวิต

หรงเยี่ยยังคงไม่สนใจในคำพูดของนาง

เขาไม่สนบาดแผลบนร่างกาย โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน “ข้าตัดสินใจไปแล้วว่าจะไม่กลับ ข้าก็จะไม่กลับ ส่วนเรื่องของหลวนอี๋และลูก หากเจ้าทำใจไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะไปรับพวกเขาทั้งหมดมาอยู่ข้างกายของพวกเรา!”

คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นมาเป็นเวลานาน จู่ ๆ ก็ต้องเดินทางไกลถึงเพียงนี้ นางไม่เชื่อว่าขาของเขาจะไม่เป็นอะไร

แต่หรงเยี่ยก็ไม่ยอมให้นางดู กดมือเล็ก ๆ คู่นั้นของนางไว้แน่น “พระชายา ขาของข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ”

“หากไม่เป็นอะไร เหตุใดถึงไม่ยอมให้ข้าดู” เขายิ่งทำตัวแบบนี้ ไป๋ชิงหลิงก็ยิ่งรู้สึกว่าขาของเขาต้องมีปัญหาเป็นแน่

นางพยายามแกะมือของนางออก แต่ด้วยแรงอีกฝ่ายที่เหนือกว่า นางจึงไม่สามารถดึงมือออกมาได้

หรงเยี่ยพานางมาข้างเตียง จากนั้นกล่าวว่า “อยากดูก็ไม่มีปัญหา แต่เมื่อเห็นแล้วก็ห้ามคิดอะไรฟุ้งซ่าน และห้ามร้องไห้ออกมาเป็นอันขาด!”

ไป๋ชิงหลิงเงยหน้ามองเขา กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจจึงรีบพยักหน้าไปทันที

ในเวลานี้ หรงเยี่ยปล่อยมือทั้งสองข้างของนาง จากนั้นไม่นานก็ยกขากางเกงทั้งสองข้างของตนเองขึ้นมาถึงต้นขา เผยให้เห็นขาที่บวมและแดงของเขา

ในตอนที่ไป๋ชิงหลิงเห็นขาทั้งสองข้าง หัวใจของนางกระตุกอย่างรุนแรง และตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อชายผู้นี้เห็นท่าทางของนาง เขารีบนำขากางเกงของเขาลงพร้อมกล่าวว่า “ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่อาจให้เจ้าเห็นมันได้!”

“ข้าจะไปนำยามาให้เจ้า ช่วงนี้อย่าเพิ่งเดินไปไหน ข้าจะสั่งให้คนทำรถเข็นให้เจ้าใหม่” พูดจบไป๋ชิงหลิงก็เบือนหน้าหนี เช็ดน้ำตาที่หางตาของนาง ลุกขึ้นจากเตียงและเดินจากไป

ในตอนที่ไป๋ชิงหลิงลุกขึ้นยืน หรงเยี่ยก็คว้าแขนของนางไว้อย่างรวดเร็ว...... 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น