เพียงแต่อาการอาเจียนของไป๋ชิงหลิงยังคงไม่ลดลง ในตอนที่เขาใกล้จะเข้าประตูทางเข้า จู่ ๆ ไป๋ชิงหลิงก็ดิ้นรนอยู่สองสามครั้ง นำมือขึ้นมาปิดปากพร้อมกล่าวว่า “ปล่อยข้าลง”
หรงเยี่ยรีบปล่อยนางลงทันที
นางพยุงกับแพงและอาเจียนออกมาอีกครั้ง
เขาจ้องมองนางที่กำลังอาเจียนออกมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ข้าจะพาเจ้าออกไปหาหมอหญิง......”
“ไม่......แหวะ......” ไป๋ชิงหลิงยังไม่ทันพูดจบ นางก็นำมือขึ้นไปกุมปากของนางอีกครั้ง อาเจียนออกมาจนหมดแรง สุดท้ายก็ล้มลงในอ้อมแขนของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง
เขากระซิบข้างหูของนางอย่างแผ่วเบา “พระชายา พระชายา......”
ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองถนนบนภูเขาที่อยู่ไม่ไกล ผู้หญิงสวมชุดสีเขียวคนหนึ่งเดินลงมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับจูงมือเด็กที่มีอายุได้ประมาณหกขวบ
ไป๋ชิงหลิงคว้าแขนของหรงเยี่ยไว้ จากนั้นกล่าวออกมาว่า “ลี่ว์อีเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการรักษา พวกเรา......พวกเราไม่ต้องรีบออกจากหุบเขา เมื่อสักครู่เป็นคนที่เสด็จพ่อส่งมาเพื่อพาตัวพวกเรากลับไป”
“อื้อ” หรงเยี่ยตอบรับ อุ้มไป๋ชิงหลิงขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเดินไปทางลี่ว์อี
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ลี่ว์อีทำความเคารพหรงเยี่ยและไป๋ชิงหลิง และบอกให้เอ๋อร์ซือทำความเคารพด้วย แต่หรงเยี่ยกลับถามออกไปด้วยใบหน้าอันร้อนรน “นำทางข้าไปยังที่พักของพระชายา เวลานี้นางไม่สบาย”
“พระชายาไม่สบายงั้นหรือ?” ลี่ว์อีเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ เห็นใบหน้าอันซีดขาวของไป๋ชิงหลิง นางก็กล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วง “พระชายา สีหน้าของท่านดูไม่ค่อยสู้ดีนัก”
“กลับไปที่ห้องก่อน” ไป๋ชิงหลิงรู้สึกว่าช่วงนี้นางเซื่องซึม นางทานอาหารเหมือนปกติแต่กลับรู้สึกว่าตนเองเหนื่อยง่าย นางคิดว่าถึงเวลาที่นางจะต้องพักผ่อนอย่างจริงจัง
ลี่ว์อีรีบนำทางหรงเยี่ยไปยังที่พักของไป๋ชิงหลิง
ในตอนที่หรงเยี่ยวางไป๋ชิงหลิงลงบนเตียง ลี่ว์อีเดินมาข้างกายของนาง คุกเข่าลงด้านข้าง มือทั้งสองกุมมือของไป๋ชิงหลิงไว้ “พระชายา ข้าขอตรวจดูอาการท่านหน่อย”
ไป๋ชิงหลิงพยักหน้า จากนั้นก็มองไปยังเอ๋อร์ซือซึ่งอยู่ด้านข้าง
นางยิ้มให้กับเด็กคนนั้น แต่เอ๋อร์ซือกลับก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
และในช่วงเวลาที่ลี่ว์อีตรวจชีพจรให้ไป๋ชิงหลิง ผ่านไปนาน ไป๋ชิงหลิงเห็นว่านางยังไม่ยอมส่งเสียง จึงขมวดคิ้วและถามออกไปว่า “ลี่ว์อี เป็นอะไรงั้นหรือ?”
ลี่ว์อีเงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “พระชายา ท่านตั้งครรภ์แล้ว!”
ดวงตาของหรงเยี่ยกลมโตขึ้นมาในทันใด สายตาของเขาจับจ้องไปยังท้องส่วนล่างของไป๋ชิงหลิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของเขาจมลงเล็กน้อย
และในตอนที่ไป๋ชิงหลิงได้ยินเช่นนั้น นางก็นับวันประจำเดือนของนาง
ร่างกายของนางผิดปกติตั้งแต่ให้กำเนิดลูกทั้งสองคนออกมา ประจำเดือนมาไม่ปกติ และนางก็ใช้ชีวิตร่วมกับหรงเยี่ยมาเป็นเวลากว่าครึ่งปี ท้องของนางไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย นางคิดว่าชีวิตนี้ของนางไม่อาจตั้งครรภ์ได้ แต่คิดไม่ถึงว่า......นางจะมาตั้งครรภ์ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้
“ตั้งครรภ์!” ไป๋ชิงหลิงยกมือขึ้นมาวางบนท้องน้อยของนาง
ในตอนที่หรงจิ่งหลินลืมตาดูโลก นางยังไม่ได้เดินทางข้ามเวลามายังโลกใบนี้ แม้ว่านางจะเป็นคลอดเซิงเอ๋อร์ออกมาด้วยตัวเอง แต่ช่วงเวลาสิบเดือนของการตั้งครรภ์ นางก็ไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...