ดวงตาของหรงเยี่ยดูผิดหวัง พอได้ยินคำพูดจากด้านหลังของเขา จากนั้นเขาก็จับคอของเธอและผลักไปข้างหน้า
“อ๊าก!” เสียงร้องดังขึ้นทันที
คอของฟางปู๋เว่ยนั้นถูกหรงเยี่ยบีบแรงมาก หลังของเธอถูกกดอยู่บนหิน ทำให้เกิดความเจ็บปวดทันที
เธอยกมือจับข้อมือของหรงเยี่ยทันที "อ๊ากกก" พร้อมกับกรีดร้อง
ไป๋ชิงหลิงตกใจมาก และเดินไปคว้ามือของหรงเยี่ย "หรงเยี่ย..."
“ข้าไม่ชอบฆ่าใครตามอำเภอใจ แต่ข้าต้องการให้เจ้ารู้ไว้ว่า ผู้หญิงของข้าใครอย่าแตะ ไม่อย่างนั้น….”
ความแข็งแกร่งของแขนเขามันรู้สึกว่าแข็งแรงมากขึ้น ทำให้ฟางปู๋เว่ยไม่สามารถร้องออกมาได้อีก
เริ่มมีกลิ่นอายของลมหายใจแห่งความตายโชยออกมา
ระหว่างที่ฟางปู๋เว่ยกำลังลิ้มรสความตายนั้น มือที่คอค่อยๆ ปล่อยออก จากนั้นก็วางไว้บนไหล่ของเธอ
จากนั้นได้ยินเสียง "พรึบ"
ฟางปู๋เว่ยร้องอีกครั้ง จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น จับไหล่ที่ที่หรงเยี่ยและตะโกนว่า "ฆาตกร ฆาตกร..."
“เมื่อกี้...ผู้ชายคนนี้เรียกตัวเองว่าข้างั้นเหรอ....” มีผู้ชายคนหนึ่งตั้งคำถาม
ทุกคนให้ความสนใจทันที
หรงเยี่ยเรียกตัวเองว่า "ข้า"
พอไป๋ชิงหลิงสังเกตเห็นว่าทุกคนสงสัยในการเรียกตัวเองของหรงเยี่ย หัวใจรู้สึกสั่นเล็กน้อย
ยิ่งพวกเขาเปิดโปร่งมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้ดึงดูดเสิ่นหรูเหลียนได้ง่ายขึ้น
แถมยังมีหลานเฉินเฟิงอีกด้วย
แต่คนพวกนี้ไม่รู้เลยว่าท่านอ๋องหรงที่ต้องการช่วยพระชายาหรง เขาต้องแย่งแม่ของตัวเองออกจากสุสานจักรพรรดิ
ปกติไป๋หมิงฮุ่ยไม่รู้เรื่องนี้ แถมยังพูดออกมาได้มั่นใจว่า "พวกเขาก็คือท่านอ๋องหรงและพระชายาหรง"
ทุกคนอึ้งและพากันอ้าปากค้าง...
“ได้ยินมาพระชายาหรงเป็นหมอปีศาจ งั้นที่ก่อนหน้านั้นหมอไป๋ที่พวกเราเห็นกันก็....”
"แพทย์หญิงคนใหม่ของไทเฮามีนามว่าไป๋"
ชื่อไป๋ หมอหญิงไป๋ที่อยู่ในวังกับหมอหญิงไป๋ที่พวกเขารู้จักไม่ใช่คนคนเดียวกัน
เพราะว่าพวกเขารู้ หมอหญิงไป๋ที่เข้าเฝ้าไทเฮาเธอแต่งงานกับหรงเยี่ย และพระชายาที่แต่งกับหรงเยี่ยก็คือธิดาผีหมอปีศาจที่มีชื่อเสียง
“ให้ตายเถอะ” ในเวลานั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งดึงสติตัวเองกลับมาได้ “ธิดาผีที่เราตามหามาโดยตลอด มันอยู่ตรงหน้านี้เอง แต่พวกเราไม่รู้อะไรเลย”
ฟางปู๋เว่ยที่นั่งอยู่บนพื้นนั้นตัวสั่นไปหมด
อะไรที่เรียกว่าความเจ็บปวดนั้นได้หายไป เหลือแต่เพียงหมอผีที่อยู่ในหัว
ในวงการแพทย์เธอไม่เคยให้เกียรติเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
“ออกไป ออกไปให้หมด!” ฟางปู๋เว่ยเป็นคนไล่คนของตระกูลสวี่ รวมถึงคนที่ยืนมองอยู่นอกหน้าต่าง
ไป๋ชิงหลิงค่อนข้างพอใจกับฟางปู๋เว่ย
แต่ว่าก็ยังมีฟางปู๋เว่ยยืนดูอยู่ ซึ่งเธอเองก็ยังรู้สึกอึดอัด
เธอพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชาว่า "มาจะยืนอยู่ตรงนี้"
ฟางปู๋เว่ยตกใจ และถามอย่างงงๆ "นางบำเรอก็อยู่ไม่ได้เหรอ?"
ไป๋หมิงฮุ่ยพูดว่า "เจ้ามาหวังอะไรกับการรักษาของหมอผี อีกอย่างนี้เป็นคำสั่งของพระชายาหรง"
ไป๋หมิงฮุ่ยพับแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นสองแขนที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น
ฟางปู๋เว่ยร่างกายแข็งไปทั้งตัว ใบหน้าเริ่มซีดลง ตัวเองกลัวว่าไป๋ชิงหลิงจะถามเรื่องบาดแผลของไป๋หมิงฮุย จึงแอบย่องออกจากห้องไป
พอไป๋ชิงหลิงเห็นว่าเห็นว่าฟางปู๋เว่ยออกไปแล้ว จากนั้นก็มองไปที่บาดแผลของไป๋หมิงฮุ่ย พูดด้วยความเห็นใจ "หมิงฮุ่ย เจ้ารีบไปทำแผลให้ตัวเองก่อนไป แล้วฉีดยากันบาดทะยักด้วย อีกเดียวก่อนกลับข้าจะไปเคลียร์กับฟางปู๋เว่ย"
“ขอบคุณมากพระชายา” ไป๋หมิงฮุยรู้สึกดี
“ไปเถอะ เดียวข้าเฝ้าให้”
“รับทราบ” ไป๋หมิงฮุยรู้สึกดีมากๆ พร้อมกับถือชุดแพทย์เดินออกไป
ณ เวลานี้ ไป๋ชิงหลิงมองไปที่หรงเย่ และชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ พร้อมพูดว่า "เจ้าไปนั่งพักตรงนั้น ข้าจะไปดูอาการของเขา"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...