จักรพรรดิเหยาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ฝ่าบาทยามกระหม่อมพาพระชายาหรงขึ้นไปบนภูเขา พบว่านางกำนัลทั้งสองทำตัวลับลับล่อล่อและยังมีเลือดอยู่บนบันไดร้อยขั้น กระหม่อมเดินไปถามก็พบว่ามีเลือดอยู่แล้ว ยามนั้นเองกระหม่อมเพิ่งมาทราบว่านางกำนัลทั้งสองนี้คือคนใกล้ชิดกับพระสนมเอกหรง ดังนั้นจึงนำตัวคนสองคนนี้มาหาพระสนมเอกหรง” เสิ่นหรูเหลียนพูดด้วยความเคารพ แต่ใบหน้าของเขาไม่มีสีหน้ามากนัก
พระสนมเอกหรงพูดอย่างสับสนว่า “แม่ทัพเสิ่นหมายความว่าอย่างไร? หรือนางกำนัลของข้าไม่สามารถลงเขาเพื่อซื้อของให้ข้าได้ หรือการที่ข้าต้องการส่งให้ไปทำสิ่งต่างๆ จะต้องไปรายงานแม่ทัพเสิ่นก่อน?”
เสิ่นหรูเหลียนรักษาท่าทางโค้งคำนับเอาไว้พร้อมกล่าวว่า “กระหม่อมเป็นผู้บัญชาการราชองครักษ์ มีหน้าที่ปกป้องจักรพรรดิและทุกคน พูดตามหลักเหตุผล ก่อนพระสนมจะส่งผู้คนลงจากเขา ท่านควรบอกกระหม่อมหรือคนรอบข้างกระหม่อมเพื่อป้องกันการเกิดเหตุร้ายขึ้น หากมีอะไรเกิดขึ้นกับใครสักคนเล่า? เช่นนี้กระหม่อมถึงจะจัดการได้ทันที”
จู่ๆ พระสนมเอกหรงก็พ่นเสียงดุว่า นางเหลือบมองไป๋ชิงหลิงที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วมองไปที่เสิ่นหรูเหลียน “ท่านกำลังปกป้องพระชายาหรงหรือท่านกำลังพยายามตบหน้าข้า? หากท่านปกป้องนางเช่นนี้ หรือแม่ทัพเสิ่นมีความสัมพันธ์อื่นใดกับพระชายาหรงใช่หรือไม่?”
“พระสนมเอกหรง!” ไทเฮาโกรธจัด
พระสนมเอกหรงกลั้นใจ นางหันมองจักรพรรดิเหยาด้วยสายตาราวผู้อ่อนแอที่หมดหนทาง “ฝ่าบาท หม่อมฉันเพียงส่งคนไปด้านล่างเพื่อซื้ออาหารให้ไม่ได้หรือ? หม่อมฉันได้ยินมาว่าขนมท้องถิ่นที่นี่มีชื่อเสียงมาก หม่อมฉันเพียงแค่อยากลอง”
จักรพรรดิเหยาเหลือบมองเสิ่นหรูเหลียนอย่างเฉียบแหลม จากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้ไปที่นางกำนัลทั้งสอง เสียงพระองค์เต็มไปด้วยพลังของจักรพรรดิ “เจ้าเห็นอะไรบนบันไดร้อยขั้น?”
ทันทีที่นางกำนัลทั้งสองได้ยินคำถามของจักรพรรดิเหยา ร่างพวกนางก็สั่นสะท้านทันที พวกนางโน้มตัวลงกับพื้น อยากจะลดตัวตนของตนให้น้อยลง
จักรพรรดิเหยาคำรามใส่ทันที “พูดมา!”
นางกำนัลทั้งสองสะอื้นเบาๆ ก่อนที่นางกำนัลคนหนึ่งที่อยู่ทางซ้ายจะพูดตามความจริง “บ่าว...ยามบ่าวลงมาจากเขา บ่าวเห็นคราบเลือดไปจนถึงครึ่งยอดของบันไดร้อยขั้น ทั้งยังมีเศษแก้วอยู่เหนือครึ่งบันได ดังนั้นบ่าวและกู่เสวี่ยจึงรีบร้อยเข้าไปทำความสะอาดเศษแก้วร่วมกันเพคะ”
ใบหน้าพระสนมเอกหรงเปลี่ยนไปเล็กน้อยอีกครั้ง
คราวนี้ปฏิกิริยาของนางไม่ชัดเจนเท่ากับตอนที่นางเห็นนางกำนัลทั้งสองเมื่อครู่นี้
ไทเฮามองพระสนมเอกหรงอย่างเย็นชา “พระสนมสั่งให้ซื้อขนมอะไร?”
“โอเด้ง!”
“ถั่วเน่า!”
นางกำนัลทั้งสองพูดพร้อมกัน
แต่ชื่อขนมที่ทั้งสองพูดถึงนั้นแตกต่างกัน
จากนั้นทั้งสองก็แก้ไขอีกครั้ง
“เป็นถั่วเน่า!”
“โอเด้ง!”
“โอเด้งหรือถั่วเน่า?” ทันใดนั้นเสียงของไทเฮาก็คมชัดขึ้น
นางกำนัลทั้งสองไม่กล้าพูดต่อ ไทเฮาจึงตะโกนด้วยความโกรธ “ไม่รู้ชื่อขนมท้องถิ่น ยังกล้าบอกว่าขนมท้องถิ่นมีชื่อเสียงมาก ตื่นตระหนกจนดูไม่ออกว่าที่นี่อยู่ที่ไหน สถานที่อันเงียบสงบแห่งพุทธศาสนาถูกรบกวนโดยคนของเจ้า นอกจากนี้...”
ในเวลานี้ไทเฮาเงยหน้าขึ้นมองพระสนมเอกหรง “พระสนมเอกหรงยังบอกได้อย่างชอบธรรมว่านางไม่เห็นเศษแก้วบนบันไดร้อยขั้น เจ้าไม่เห็นหรือตาบอด?”
พระสนมเอกหรงตื่นตระหนกจนรีบปัดป้อง “เสด็จแม่ ยามลูกลงไป ลูกไม่เห็นจริงๆ เพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...