"โฮ่ง โฮ่ง....."ในวิหารทองคำ เสวี่ยหลางเห่าอย่างดุเดือดเห่าอย่างดุเดือด
เมื่อจักรพรรดิเหยาได้ยินเสียงร้องของเสวี่ยหลาง เขาก็หันหลังแล้วเดินเข้าไปในวิหารทองคำ
หรงฉี่ที่ยืนอยู่ข้างๆจ้องมองไปที่ไป๋ชิงหลิงด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นจึงเดินเข้าไปในวิหารทองคำ
พระสงฆ์ที่อยู่ทั้งในและนอกวัดรวมถึงเจ้าอาวาสวัดเต๋อลินต่างก็ถูกควบคุมโดยทหารเกราะเงิน
หลวนอี่หนีออกจากการควบคุมของท่านอ๋องเฉินแล้ววิ่งไปที่ด้านข้างของไป๋ชิงหลิง และตะโกนออกมาว่า"พี่สะใภ้เจ็ด อาการบาดเจ็บของท่านหายดีแล้วหรือยัง ใบหน้าของท่านฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้าง?"
ไป๋ชิงหลิงมองหลวนอี่ด้วยสีหน้าที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
มีแค่เด็กโง่คนนี้แหละที่ใส่ใจอาการบาดเจ็บของนาในเวลานี้
ทุกวันนี้นางคงลำบากไม่น้อย
นางอยู่ภายใต้การควบคุมของท่านอ๋องเฉินมาโดยตลอด นานแล้วที่ไม่ได้พูดคุยกับนาง
เพื่อที่จะได้พักฟื้นจากอาการบาดเจ็บและค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับวัดเต๋อหลิน นางจึงไม่มีเวลาคิดถึงหลวนอี่และสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือหลวนอี่อยู่กับท่านอ๋องเฉินคงจะปลอดภัยกว่าอยู่กับนาง
อย่างน้อยหรงฉี่ก็คงไม่ทำอะไรนาง
นางค่อยๆยกผ้าคลุมขึ้นแล้วพูดว่า"ดูสิ อาการบาดเจ็บที่ใบหน้าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก"
"ยังมีรอยแผลเป็นอยู่เลย"หลวนอี่พูดด้วยความรู้สึกเจ็บปวด"รอท่านพี่เจ็ดกลับมา ข้าจะให้ท่านพี่เจ็ดจัดการหรงเชิน"
"องค์หญิง"ไป๋ชิงหลิงจับมือหลวนอี่ไว้แล้วพูดว่า"เขาพูดถูกแล้ว ข้าให้เขาระบายความโกรธอย่างเต็มใจเอง ลืมเรื่องนี้ซะเถอะไม่ต้องพูดถึงมันอีก เจ้าก็ควรรีบกลับเมืองหลวงเถิด"
"เสด็จย่าและท่านก็ยังไม่ได้ออกจากวัดเต๋อหลิน ข้าอยากกลับเมืองหลวงกับท่าน"หลังจากพูดจบ หลวนอี่ก็หันไปมองไทเฮาแล้วยิ้ม
เมื่อเห็นหลวนอี่ยิ้มอย่างมีความสุข ไทเฮาก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก"ถ้าเจ้ากลับเมืองหลวงแล้วก็ไปหาพี่สะใภ้เจ็ดที่จวนท่านอ๋องหรงได้"
"จริงหรือเพคะ?"ดวงตาของหลวนอี่เป็นประกาย นางลุกขึ้นยืนกอดแขนของไทเฮาไว้แล้วจ้องมองไปที่ท่านอ๋องเฉิน"แต่มีคนไม่อนุญาต หรงเชินส่งคนมาเฝ้าดูข้าตลอดทั้งวันทั้งคืนและห้ามไม่ให้ข้าออกจากสายตาเขาทั้งหมดนี้ก็เพื่อไม่ให้ข้าติดต่อกับพี่สะใภ้เจ็ด"
เมื่อไทเฮาได้ยินดังนั้น สายตาของนางก็จ้องมองไปที่เสิ่นโหรวเม่ย
แต่ก่อนที่นางจะดุท่านอ๋องเฉินและภรรยาของเขา ก็มีเสียงดังมาจากวิหารทองคำ......
"ตูม!"เสียงนี้ดังขึ้น
มีเสียงดังในวิหารทองคำ
ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น พื้นทั้งภายในและภายนอกของวิหารทองคำก็สั่นสะเทือน
คนทั่วไปที่ถูกปิดกั้นอยู่นอกวิหารทองคำมองเข้าไปข้างในทีละคน มีคนเห็นสถานการณ์ภายในวิหารทองคำ จึงตะโกนทันที"พระเจ้า....."
บางคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างในจนเป็นลม ในขณะที่บางคนกำลังอุ้มลูกอยู่ก็คุกเข่าลงกับพื้นด้วยขาที่อ่อนแรง
เมื่อเห็นความโศกเศร้าของผู้คนที่ไม่สามารถปกปิดได้ ไป๋ชิงหลิงก็หยิบไม้ค้ำยันที่วางอยู่บนรถเข็น ลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง แล้วเดินไปหน้าวิหารทองคำทีละก้าวทีละก้าว
ในวิหารทองคำ ร่างที่แท้จริงของพระโพธิสัตว์ถูกเสิ่นหรูเหลียนและทหารเกราะเงินผลักล้มลง
กระดูกมนุษย์จำนวนมากและศพเน่าเปื่อยที่ไม่สมบูรณ์พุ่งออกมาจากรูปปั้นที่ทำมาจากทองคำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...