สรุปตอน บทที่ 5 ณ หุบเขาเซียนไหล มีหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงอยู่ผู้หนึ่ง – จากเรื่อง ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา
ตอน บทที่ 5 ณ หุบเขาเซียนไหล มีหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงอยู่ผู้หนึ่ง ของนิยายการเกิดใหม่เรื่องดัง ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดยนักเขียน พระจันทร์ขี้เมา เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านมาห้าปีแล้ว
……
ณ หุบเขาเซียนไหล เมืองเยี่ยนหนาน
“แม่นาง แม่นาง มีจดหมายจากท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” ในป่าไผ่ หญิงรับใช้สองสามคนวิ่งตรงเข้าส่วนลึกของป่า พลางร้องตะโกนเสียงดัง
บนยอดเขา มีหญิงสาวนางหนึ่งกำลังยืนอยู่
นางสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าธารน้ำแข็ง บริเวณชายกระโปรงปักด้วยรูปดอกเหมยสีชมพู ตะกร้ายาใบหนึ่งคล้องอยู่ที่ข้อมือของนาง
สายลมพัดผ่านเป็นครั้งครา ให้กระโปรงของนางพลิ้วไหว ผมยาวดำขลับก็ถูกพัดไปในสายลมด้วยเช่นกัน
ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเผยให้เห็นใบหน้าเพียงครึ่งหนึ่งของหญิงสาว ดวงตาเล็กเรียวยาวฉายแววแห่งความเยือกเย็นและสันโดษ แต่ชาดสีแดงตรงกลางหว่างคิ้วชวนให้นางดูลึกลับและมีเสน่ห์มากขึ้น
ยามนี้ นางหันตัวมา
หญิงรับใช้ทั้งสามค่อย ๆ ทยอยมาถึง
สาวน้อยชุดเขียวที่มาถึงก่อนใคร นามว่า ลี่ว์อี
ในมือของนางถือจดหมายอยู่ฉบับหนึ่ง นางวิ่งจากหุบเขาตรงมายังยอดเขาโดยไม่ได้หยุดพัก นางเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงที่ตรงหน้าหญิงสาว “แม่นาง จดหมายจากท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงหลิงหลุบตาลงมอง พลางเอื้อมมือไปหยิบจดหมายจากลี่ว์อี ขณะที่นางกำลังเปิดจดหมายก็ได้ยินลี่ว์อีกล่าวต่อไปว่า “ครั้งนี้ผู้มาส่งจดหมาย มิใช่ใต้เท้าโจวอวี้ แต่เป็นคนจากจวนติ้งเป่ยโหว[1]คนสนิทข้างกายที่ท่านแม่ทัพไว้ใจเจ้าค่ะ เขายังพานายทหารมาด้วยจำนวนหนึ่ง ทั้งยังเตรียมรถม้ามาด้วย พวกเขาบอกว่าจะมารับแม่นางและคุณหนูน้อยกลับจวนติ้งเป่ยโหวเจ้าค่ะ”
ดวงตาของไป๋ชิงหลิงไม่ไหวติง นางกำลังจดจ่ออยู่ที่จดหมายที่เขียนขึ้นด้วยลายมือของติ้งเป่ยโหว
เมื่ออ่านจบ ไป๋ชิงหลิงพับจดหมายกลับเข้าไปในซองดังเดิมพลางหันหลังกลับไป ทอดสายตามองหุบเขาเซียนไหลที่อยู่ไม่ไกลนัก
นางชอบสถานที่แห่งนี้มาก ทั้งสันโดษและสวยงามราวกับสวนสวรรค์ ไม่มีทั้งเล่ห์เหลี่ยมและกลอุบาย และยังเป็นสถานที่ที่เมื่อห้าปีก่อน นางพาเสี่ยวเซิงเอ๋อร์มาหลบหนีภัย
ว่าไปแล้ว โชคชะตานั้นเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด
นางมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน แม่ทัพพิทักษ์แดนทักษิณผู้เป็นบิดาของร่างเดิม ซึ่งก็คือติ้งเป่ยโหว นำกองทหารจำนวนหนึ่งแสนนายไปยังด่านไป๋เจียวเพื่อปกป้องเมืองเยี่ยนหนาน
น่าเสียดาย รบสามครั้งแพ้สามครา
จากกองทหารจำนวนแสนนายเหลือเพียงไม่ถึงห้าหมื่น ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และบุกเข้าหุบเขาเซียนไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ
ไป๋ชิงหลิงได้ให้ความช่วยเหลือบิดาผู้นี้ของนางไว้
แต่ทว่า ติ้งเป่ยโหวไม่เคยรับรู้เลยว่า นางคือ “ไป๋ชิงหลิง”
ในสายตาของคนทั่วไป นาง “ไป๋ชิงหลิง” ได้จากโลกนี้ไปแล้วด้วยภาวะคลอดบุตรยาก
นางทำไม่ได้ และไม่สามารถใช้ฐานะของไป๋ชิงหลิงปรากฏตัวต่อหน้าญาติมิตรที่ “คุ้นเคย” ของนางได้อีกต่อไป
หลังจากที่ติ้งเป่ยโหวหายดีแล้ว ไป๋ชิงหลิงจึงนำเสนอแผนการ
ทำให้ขวัญกำลังใจที่พ่ายแพ้ได้รับการฟื้นฟู และตีพลทหารแสนสองหมื่นนายของเทียนเย่าให้ถอยร่นไปได้ สถานการณ์ที่พลิกกลับเช่นนี้ถือว่าเป็น "ปาฏิหาริย์"
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ติ้งเป่ยโหวให้ความไว้วางใจไป๋ชิงหลิงเป็นอย่างมาก ทั้งยังรับนางเป็นบุตรสาวบุญธรรมอีกด้วย
……
“ห้าปีแล้ว... ถึงเวลาต้องกลับไปแล้วสินะ” ไป๋ชิงหลิงพึมพำกับตัวเอง
หญิงรับใช้อีกสองคนที่ตามมาด้านหลังก็มาถึงพอดี
หญิงรับใช้นามว่าจื่ออี กล่าวขึ้น “บ่าวเพิ่งได้รับจดหมายขอซื้อยาจากจวนอ๋องต้วน ทั้งยังให้ตั๋วเงินจำนวนสองหมื่นตำลึงมาด้วย ยานี้...ท่านจะขายหรือเจ้าคะ”
ไป๋ชิงหลิงหันหลังกลับมาในทันที เหลือบมองตั๋วเงินในมือของจื่ออี มุมปากปริออกให้เห็นถึงความเยือกเย็น
“อยากสิ อยากไป ท่านปู่กลับไปตั้งหนึ่งปีแล้ว ข้าเหงาจะตายอยู่แล้ว” ปู่ของนางจะต้องซื้อของอร่อยและของเล่นให้นาง แล้วจะต้องพานางไปเดินเที่ยวเป็นแน่ ตั้งแต่ท่านปู่กลับเมืองเฉาจิงไป ไป๋ชงเซิงต้องใช้เวลาถึงระยะหนึ่งกว่าจะคุ้นชิน
หากบอกว่าไม่คิดถึงก็คงจะเป็นความเท็จ
ปฏิกิริยาของไป๋ชงเซิงเป็นไปตามที่ทุกคนคาดเดาอยู่แล้ว
จื่ออีอดล้อนางไม่ได้ “คุณหนูน้อยคิดถึงของกินและของเล่นของท่านแม่ทัพล่ะสิเจ้าคะ”
“ฮึ ข้าเปล่าเสียหน่อย ข้าคิดถึงท่านปู่จริง ๆ ” เสี่ยวเซิงเอ๋อร์หัวเราะออกมาเบา ๆ ในใจของนางดีใจอย่างที่สุด นางจึงเดินไปที่ข้างไป๋ชิงหลิง และจูงมือของนาง “ท่านแม่ พวกเรารีบไปกันเถิด อย่าให้ท่านปู่ต้องคอยนานเลย”
หญิงรับใช้ทั้งสามอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนายหญิงตัวน้อย
แม้ว่าเสี่ยวเซิงเอ๋อร์จะพูดออกไปเช่นนั้น แต่เมื่อถูกพวกนางดูออกถึงเจตนาภายในใจ ใบหน้าน้อย ๆ ก็แดงก่ำขึ้นมา
นางทำเสียงอ่อนเสียงหวาน “ท่านแม่เจ้าคะ ตั้งแต่ท่านปู่ไป เป็นเวลาเกือบปีแล้วที่พวกเราไม่ได้ออกจากหุบเขาเซียนไหลเลยนะเจ้าคะ ข้าแค่อยากจะ...ให้ท่านปู่พาข้าไปเที่ยว”
ไป๋ชิงหลิงอดใจอ่อนไม่ได้ นางเอื้อมมือออกไปและตบหัวเล็ก ๆ ของนางเบา ๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้ ๆๆ รีบกลับไปกัน ให้ท่านปู่ของเจ้าพาเจ้าไปเที่ยวแล้วก็ซื้อ ๆ ๆ”
“ยอดไปเลย” เสี่ยวเซิงเอ๋อร์ปล่อยมือของไป๋ชิงหลิง วิ่งไปข้างหน้าพลางร้องตะโกนอย่างร่าเริง
หญิงรับใช้ทั้งหลายรีบวิ่งไล่หลังไป
“คุณหนูน้อยเจ้าคะ รอพวกข้าด้วย”
ไป๋ชิงหลิงมองไปที่แผ่นหลังของเสี่ยวเซิงเอ๋อร์ และยกมือขึ้นปัดปอยผมข้างหู ดวงตานางขุ่นมัวลงเล็กน้อย...
ไป๋จิ่น หรงฉี่ ข้ากลับมาแล้ว
พวกท่าน...เตรียมพร้อมแล้วหรือยัง
[1] โหว เป็นชื่อตำแหน่งของขุนนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...