ฟังเจี้ยนปิดปากทันที กัดฟันไว้แน่น ไม่ยอมตอบคำถามนี้
หรงเยี่ยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอีกรอบ " ใครเป็นคนขนกระดูกเหล่านี้มาไว้ที่วัดเต๋อหลิน คนบงการเจ้าคือใคร หรือ คนที่คอยสนับสนุนตระกูลของผู้บงการนั้นเป็นอำนาจกลุ่มไหนของวังหลวง แล้วกระดูกที่เจ้าฝังนั้นมันถูกนำมาจากไหน เจ้าร่วมมือกับข้า ข้ารับประกันไว้ชีวิตเจ้า และยังให้เจ้าได้บำเพ็ญในวัดเต๋อหลินต่อไป"
มันไม่กระทบจิตใจฟังเจี้ยนเลย
แต่หรงเยี่ยก็ไม่ได้รีบร้อน เขาเอ่ยถามต่อ" เจ้าไม่พูดก็ช่วยไม่ได้ เจ้าฟังข้าพูด"
"ศพเหล่านั้นถูกขนมาจากค่ายทหาร ส่วนคนบงการเจ้าคืออ๋องต้วน ส่วนตระกูลที่อยู่เบื้องหลังเจ้าคือบ้านแม่ของต้วนอ๋องตระกูลเวิน กระดูกที่เจ้าฝังนั้นมาจากหลายที่ ศพที่ตายไปเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก หรือคนแก่ล้วนแล้วแต่ถูกเอาไปเป็นนางบำเรอในค่ายทหาร และที่วัดหลินเต๋อมีเครื่องลงทัณฑ์มากมายขนาดนี้ แสดงว่าไม่กี่ปีมานี้ วัดเต๋อหลินได้ฉุดชายหญิงที่มีหน้าตาดีไม่น้อย และพวกมันถูกใช้เพื่อข่มขู่หนุ่มสาวพวกนี้"
เวลานี้ หรงเยี่ยได้หยิบกุญแจมืออันหนึ่งแล้วก็ทิ้งลงไปบนพื้น
เสียงกุญแจมือตกลงพื้นดัง " ตุบ"
ฟังเจี้ยนสะดุ้งทันที แล้วก็จ้องมองหรงเยี่ยด้วยความฉงนสนเทศ แต่เขาก็ยังไม่ยอมปริปาก
" ใต้เท้าเว่ยหาเบาะแสได้มากมาย บ้านนายท่านเจ้าก็กำลังจะพินาศ และค่ายทหารของนายท่านเจ้าข้าก็รู้แล้วว่ามันอยู่ที่ไหน"
ฟังเจี้ยนยิ้มแหย" อ๋องหรง ถ้าเจ้ารู้แล้วก็คงจะไม่วิ่งมาหาข้าที่นี่หรอก เจ้าอย่ามาหลอกข้า อีกอย่าง ต่อให้พวกเจ้าหาสถานที่เจอ พวกเจ้าก็ไม่รู้หรอกว่ามันคือค่ายทหาร ข้าไม่พูด ท่านอ๋องต้วนก็ไม่พูด ขอแค่การใหญ่นั้นสำเร็จ ข้าตายก็ไม่เสียดาย"
หางตาที่เรียวยาวของไป๋ชิงหลิงหรี่ไปแวบหนึ่ง สมองรีบประมวลคำพูดของฟังเจี้ยนทันที
ในคำพูดของเขานั้นได้ให้เบาะแสสองอย่าง
อย่างแรกคือที่ตั้งของค่ายทหาร อย่างที่สองคือนายท่านของเขาก็คืออ๋องต้วน
และคำถามก่อนหน้านี้ยิ่งทำให้ไป๋ชิงหลิงสงสัยยิ่งขึ้นไปอีก
ต่อให้หาสถานที่เจอก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่ามันคือค่ายทหาร
ความหมายของเขาคือค่ายทหารของอ๋องต้วนนั้นไม่เหมือนค่ายทหารทั่วไป และต่อให้มีคนเดินเข้าไปในนั้นก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่ามันคือค่ายทหาร
ตอนที่ไป๋ชิงหลิงครุ่นคิดปัญหานี้นั้น หรงเยี่ยก็คิดเหมือนกัน
การลงทัณฑ์ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ข้อมูลอะไรนี้ จริงๆ แล้วกลับได้รับข้อมูลที่สำคัญมากๆ จากปากของนักโทษ
หรงเยี่ยเอ่ยหยั่งเชิงต่อ " ดูๆแล้ว นายท่านของเจ้าก็เป็นคนมากความสามารถนี่"
" จะทำการใหญ่ จะวางแผงเล็กๆ ได้อย่างไร เขาควรจะกลายเป็นผู้ที่เก่งกาจที่สุด ถ้าหากเขาเป็นลูกแท้ๆ ของไทเฮาแล้ว ไหนเลยจะเหลือให้โอรสอย่างพวกเจ้ามาทำปากดีแบบนี้ ถ้าเขาไม่เป็นโอรสสวรรค์แล้วใครจะเป็นได้อีก"
หรงเยี่ยยิ้มเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วก็ยกมือขึ้นตบมือทีหนึ่ง แล้วก็มีคนเปิดประตูจากด้านหลังเขา ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำคนหนึ่งได้คุมชายสวมชุดสีชาดคนหนึ่งเดินเข้ามา
ชายคนนั้นมีผ้าสีดำคลุมหัวไว้ ส่วนอกก็มีแผลกระบี่แทง และผ้าพันแผลสีข้าวนั้นก็เต็มไปด้วยเลือดสดสีแดง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...