ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 517

ฟังเจี้ยนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จ้องมองอ๋องต้วนหรงฉีที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกรัก " ท่านอ๋อง นี้เป็นสิ่งที่ฟังเจี้ยนสามารถช่วยท่านได้ ถ้าท่านออกไปได้แล้ว ก็ทำตามที่ฟังเจี้ยนได้บอกกับท่านก่อนหน้านี้ ล้มราชบัลลังก์ ท่านถึงจะมีชีวิตต่อไปได้"

เสียงเพิ่งหยุด ประตูอารามก็ถูกคนข้างนอกถีบเปิดออกมา

จักรพรรดิเหยาพุ่งเข้ามาด้วยไฟแห่งความโกรธ แล้วก็ถีบเข้าไปบนตัวของฟังเจี้ยนอย่างจัง

เท้านี้ถีบแรงมาก ทำให้ฟังเจี้ยนและเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่นั้นบินออกไปทันที

ได้ยินแต่เสียง " ปัง" เก้าอี้ที่ทำจากเหล็กนั้นกระทบกำแพงทันที ทำให้กำแพงทะลุ ฟังเจี้ยนเองก็กระเด็นออกไปแล้วก็ฟาดลงกับพื้นอย่างแรง

ตอนที่กระทบพื้นนั้น หัวของเขาได้กระทบกับก้อนหินที่แหลมคมพอดี ทำให้สมองกระจายออกมา

องครักษ์เหยี่ยวดำก็กระโจนออกไปอย่างเร็วแล้วก็ล้อมฟังเจี้ยนไว้

จักรพรรดิเหยาทำลายเครื่องลงทัณฑ์ที่อยู่ในห้องอารามด้วยความโมโห เค้นเสียงเอ่ย " ลูกเนรคุณ ลูกเนรคุณ...ลูกเนรคุณคนนี้..."

เขาทำลายของไปด้วย บันดาลโทสะไปด้วย

ห้องอารามทั้งหมดเต็มได้ด้วยความโกรธและการระบายอารมณ์ของจักรพรรดิเหยา

ฆ่าจักรพรรดิชิงบัลลังก์

เป็นสิ่งที่ทำร้ายหัวใจคนเป็นพ่อจริงๆ

ความรักที่เขาแสดงต่อหรงฉีนั้นไม่น้อยไปกว่าหรงเยี่ย แต่ในทางกลับกัน เพราะว่าหรงเยี่ยไม่ได้อยู่ข้างกายเขาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้บนตัวหรงฉี

แต่ตอนนี้ลูกชายคนนี้กลับสมคบคิดกับคนนอก จะฆ่าจักรพรรดิฆ่าคนเป็นพ่อ...

สรุปแล้วเขายังทำเรื่องที่เขาไม่รู้อีกเท่าไหร่กันแน่

" เสด็จพ่อ" หรงเยี่ยสังเกตเห็นว่าเขาสงบสติอารมณ์ได้แล้ว จึงเรียนด้วยเสียงแผ่วเบา

จักรพรรดิเหยานั่งลงอย่างแรง เอามือทั้งสองข้างกุมหัวไว้ ด้วยสีหน้าที่โศกเศร้า " เจ้าว่าข้า...เป็นคนที่ล้มเลวมากหรือเปล่า ลูกชายข้าถึงมีใจจะฆ่าข้าเพื่อชิงบัลลังก์ เจ้าคงจะหัวเราะเยาะความโง่เขลาของข้าอย่างลับๆ สินะ"

หรงเยี่ยจ้องมองจักรพรรดิที่นั่งลงกับพื้น เขายังไม่เคยเห็นสภาพที่ตกอับขนาดนี้ของเขามาก่อน

ตั้งแต่ได้เป็นจักรพรรดิ เขาก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาเป็นถึงจักรพรรดิของอาณาจักรหนึ่งแล้ว

เขารู้สึกหายโกรธพ่อคนนี้ขึ้นมาทันที

เขาหันหน้ากลับไปเอ่ยกับหรงฉีว่า " เจ้าออกไปซะ"

"หรงฉี"เปิดหน้ากากคนออก แล้วก็เผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา คารวะทีหนึ่งแล้วก็เดินออกจากห้องอารามพร้อมกับองครักษ์เหยี่ยวดำ

ทันทีที่ประตูห้องปิดลง จักรพรรดิเหยาก็ร้องโห่ร้องไห้ใหญ่

เขาในสภาพตอนนี้ก็เหมือนกับคนแก่ ที่สูญเสียบ้าน สูญเสียคนรัก และสูญเสียทุกอย่าง เขาได้ปล่อยวางชุดเกาะ ปล่อยวางหน้ากากต่างๆ แล้วก็ระบายความรู้สึกออกมาทั้งหมด

ถึงแม้ว่าเขาจะทำใจก่อนแล้ว แต่เมื่อความจริงค่อยๆ ถูกเปิดออกต่อหน้าต่อตาเขา เขาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้

กระดูกขาวในกล่องทอง ชาวบ้านที่ได้ตายไปแล้ว เขาจะมีหน้ามาพบผู้คนใต้ฟ้าได้ยังไง

ในฐานะคนเป็นพ่อนั้น เขาจะไม่มีความผิดแม้แต่น้อยเลยหรือ

หรงฉีเป็นโอรสที่เขาเลี้ยงมาเคียงบ่า เป็นลูกดีๆ ที่เขาเลี้ยงมากับมือแหนะ....

เวลานี้ หรงเยี่ยเดินมาตรงหน้าเขา จักรพรรดิเหยามองเห็นรองเท้าบูตสีดำนั้น แล้วก็มองเขาพร้อมน้ำตาคลอเบ้า

" เสด็จพ่อ จิ่งหลินต้องการท่าน เขายังรอเสด็จปู่ไปช่วยเขาอยู่"

จักรพรรดิเหยาสะดุ้งทันที " จิ่งหลิน"

" ถ้าหากเสด็จพ่อยอมฟังลูก เรื่องทุกอย่างที่ท่านได้ยินในห้องอารามนี้ ท่านต้องทำเป็นไม่รู้ไปก่อน แล้วก็เผยสิ่งที่ใต้เท้าเว่ยสืบหาได้นั้นแก่หรงฉี ข่าวที่ได้จากฟังเจี้ยนก่อนตายนั้น สิ่งสำคัญตอนนี้คือ ต้องหาค่ายทหารของพี่ห้าให้พบก่อน ในเมื่อพี่ห้าเลี้ยงสุนัขกองทัพ ก็หาง่ายแล้ว" หรงเยี่ยเอ่ย

จักรพรรดิเหยารีบปัดน้ำตาบนใบหน้าออก ลุกขึ้น แล้วก็คืนสู่ความมาดนิ่งของคนเป็นจักรพรรดิทันที แต่ว่าตอนที่เขาจะพูดนั้น ก็มีเลือดเข้มข้นกระอักออกมาจากปากของเขา

" อะฮื้อ"

จักรพรรดิเหยายังยืนไม่นิ่งก็ล้มลงกับพื้นอีกครั้ง

ไป๋ชิงหลิงและหรงเยี่ยตะโกนออกมาพร้อมกัน "เสด็จพ่อ"

" ผวัะ" ประตูถูกคนเปิดออกอย่างแรง มีราชองครักษ์กลุ่มหนึ่งกระโจนเข้ามาในห้องอาราม

หลังจากที่ราชองครักษ์กลุ่มนี้ได้ล้อมห้องอารามไว้หมดแล้ว ฟางกงกงก็พยุงหรงฉีเดินเข้ามาอย่างช้า...

ไป๋ชิงหลิงและหรงเยี่ยได้พยุงจักรพรรดิเหยาขึ้นมาจากพื้น แล้วก็มองไปยังประตูหรงฉีและกลุ่มราชองครักษ์ที่เดินเข้ามา

แต่จักรพรรดิเหยาที่ถูกพยุงขึ้นมานั้นกลับยกมือขึ้นชี้ไปทางหรงฉีอย่างรวดเร็ว เหมือนต้องการจะพูดอะไรออกมา แต่กลับไม่มีเสียง เปล่งออกมาแต่เสียง" อึกๆ อักๆ"

ไป๋ชิงหลิงรู้สึกได้ว่ามีสิ่งผิดปกติ จึงหันหน้าไปจ้องมองจักรพรรดิเหยา เอ่ยถาม" เสด็จพ่อ ท่านไม่สบายตรงไหน..."

" อึกอัก..." จักรพรรดิเหยายกมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วก็กำคอตัวเองไว้ ส่วนมืออีกข้างที่ชีหรงฉีนั้นก็ค่อยๆ หันไปทางฟางกงกง " อึก..."

เขาเบิกตากว้าง คำพูดในใจที่ต้องการพูดออกมานั้นกลับพูดออกมาไม่ได้ ทำให้สีหน้าของจักรพรรดิเหยาอัดอั้นจนหน้าแดง ทั้งร้อนรนและโกรธเคือง

สุดท้ายจับแขนของหรงเยี่ยและไป๋ชิงหลิงไว้แน่น จ้องมองหรงฉีด้วยอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

หรงฉีเดินมาข้างหน้าไม่กี่ก้าว เอ่ยเรียก " เสด็จพ่อ ท่านไม่ต้องกลัว ลูกกำลังจะมาช่วยท่านแล้ว"

หึ...

ช่วยเขา

จักรพรรดิเหยาตะลึงงง

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่หรงเยี่ยและไป๋ชิงหลิงก็ตะลึงเหมือนกัน

หรงเยี่ยเค้นเสียงโกรธด้วยสีหน้าเย็นชา " หรงฉี เจ้าทำอะไรกับเสด็จพ่อ แล้วเจ้า ฟางเต๋อ ทำไมเจ้าถึงอยู่กับเขา"

ฟางกงกงเงยหน้ามองจักรพรรดิเหยา จากนั้นก็มองไปหาหรงฉีที่ประคองไว้ข้างๆ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เอ่ย " ท่านอ๋องหรง ทำไมเจ้าต้องทำร้ายฝ่าบาทด้วย ต่อให้ฝ่าบาทจะเคยสั่งให้ไล่ฆ่าเจ้ากับพระชายาหรง แต่สุดท้ายเขาก็ใจอ่อน กระหม่อมคิดไม่ถึงเลยว่า เจ้าจะเป็นท่านอ๋องหรงแบบนี้"

" เจ้าพูดเหลวไหล" หรงเยี่ยขมวดคิ้ว แล้วก็เริ่มเดาได้ว่าคำพูดของฟางกงกงต้องการสื่ออะไรออกมา

หรงฉีเขา...

" น้องเจ็ด เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ เจ้าส่งเสด็จพ่อมาให้ข้าเร็วเข้า ขอแค่เจ้ายอมมอบตัว รอให้เสด็จพ่อพระอาการดีขึ้น ข้าจะต้องขอให้เสด็จละเว้นชีวิตเจ้าสองผัวเมีย"

"หรงฉี" หรงเยี่ยเค้นเสียงเย็นชา

แต่หรงฉีกลับพูดด้วยความมาดนิ่ง "ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ยอมรับว่าคดีกระดูกขาวนั้นเกี่ยวข้องกับพระชายา"

ไป่ชิงหลิงตัวสั่นด้วยความมืนงง ทำตาโพลงจ้องมองหรงฉี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น