เวลานั้น ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
คนกลุ่มนั้นก็คือ เสิ่นหรูเหลียนและกองทหารเกาะเงินของเขา
และทหารเกาะเงินยังได้จับชายหญิงวัยกลางคนสองคน เดินเข้าในห้องอาราม
ฟางกงกงได้เอาผ้าคลุมหัวของชายหญิงคู่นั้นออก ใบหน้าที่คุ้นเคยเผยให้เห็นต่อหน้าต่อตาไป๋ชิงหลิงทันที
พวกเขาคือ...สามีภรรยาแซ่หยาง
สามีภรรยาาแซ่หยางทั้งสองถูกตีด้วยแส้จนเสื้อผ้าฉีกขาด เผยให้เห็นหนังและเนื้อ
เมื่อทั้งสองมองไปยังไป๋ชิงหลิงนั้น ก็เอ่ยพร้อมกัน " อาเสวี่ย..."
แวบที่คำว่าอาเสวี่ยสิ้นสุดนั้น ทำให้หัวใจของไป๋ชิงปรากฏลิงนั้นเต้นอย่างแรง และไม่อาจจะทนดูกลอุบายนี้ได้อีกแล้ว
"พวกเจ้า..." ไป๋ชิงหลิงกวาดสายตาไปมาบนตัวของพวกเขาทั้งสอง " ใครทำร้ายพวกเจ้าจนถึงขนาดนี้"
สามีภรรยาแซ่หยางสบตานางแวบหนึ่ง แล้วก็ก้มหน้าไม่ยอมพูด
ไป๋ชิงหลิงจ้องมองเสิ่นหรูเหลียนอย่างโหดร้าย " เสิ่นหรูเหลียน เจ้าทำอะไรกับพวกเขา"
"พระชายาหรง" สายตาที่เสิ่นหรูเหลียนมองนางนั้น มีความดุเดือดเจือปนอยู่ด้วย มือที่กำกระบี่ของเขาค่อยๆ กำแน่น วินาทีต่อมาก็ชักกระบี่ออกมา แล้วชี้ไปทางไป๋ชิงหลิง เค้นเสียง " เจ้าเป็นใครกันแน่"
ไป๋ชิงหลิงตกตะลึงมาก สายตาทั้งคู่จ้องไปยังคมกระบี่ที่เสิ่นหรูเหลียนชี้มาหานาง ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย
เสิ่นหรูเหลี่ยนเอ่ย " พระชายาหรง เจ้ารู้ไหมว่าข้าจับพวกเขาได้ที่ไหน"
สายตาที่แวววาวคู่นั้นของนาง ในตาคลอไปด้วยน้ำตา สวยงามจริงๆ ...
แต่เสิ่นหรูเหลียนคิดว่า ความงามเป็นแค่ค่ายลวงที่ใช้บังสายตาของคนเท่านั้น เขาไม่เคยเชื่อว่าไป๋ชิงหลิงจะมีใบหน้าสองใบหน้า และมีสองตัวตน
ตอนที่เขารู้ความจริงนั้น เขาก็ยังพยายามบอกกับตัวเองไม่หยุด
เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเป็นพระชายาต้วนที่ตายไปเมื่อหลายปีก่อน...
ไป๋ชิงหลิงตัวสั่นไม่หยุด เอ่ย " เจ้าบีบคั้นพวกเขาให้มอบความ"
ได้ยินคำพูดนี้ ความผิดหวังของเสิ่นหรูเหลียนยิ่งชัดเจนมากขึ้น " พระชายาสนิทกับพวกเขามากนักหรือ"
" เจ้าต้องการจะบอกอะไรกันแน่"
ฟางกงกงลากเก้าอี้มาตัวหนึ่ง วางไว้ข้างหลังหรงฉีแล้วประคองหรงฉีนั่งลงไป
หรงฉีจับหน้าอกตัวเองไว้แล้วเอ่ย "ขณะที่แม่ทัพเสิ่นกำลังตรวจตราอยู่นั้นก็พบว่ามีคนแอบล้อมวัดเต๋อหลิน มีแผนจะทำการลอบสังหารครั้งใหญ่ แต่โชคดีที่แม่ทัพเสิ่นรู้ก่อน เลยได้จับสามีภรรยาคู่นี้ที่ปลอมเป็นคนส่งอาหาร เจ้าช่างแน่มาก...เจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ไป๋ ชิง หลิง"
ทันทีที่" ไป๋ชิงหลิง" สามคำนี้สิ้นสุดนั้น ไป๋ชิงหลิงก็รู้สึกได้ถึงความปกติ ร่างกายของจักรพรรดิเหยาชักไปทีหนึ่ง
และมือใหญ่ที่จับแขนของนางนั้นก็ใช้กำลังกำแขนของนางอย่างแน่น
นางเหลือบตามองมือของจักรพรรดิเหยา เพียงไม่นานนักเขาก็บีบแขนของนางจนแดงและแน่นกว่าเดิม วินาทีต่อมา มือใหญ่นี้ก็ปล่อยนาง จากนั้นฝ่ามือก็ประทับลงไปบนหลังนาง ทำให้นางกระเด็นออกไป
" ปึก"
" วู"
พลังภายในของจักรพรรดิเหยาทำให้นางกระเด็นไปไกลมาก นางถอยไปจนถึงมุมกำแพง กระทบกับกำแพงที่ปรักหักพังอย่างแรง
อิฐสีแดงบนกำแพงก็ทลายลงมา " โครมๆ"
นางกระเด็นไปเร็วมาก ทำให้ตอนที่ชนใส่กำแพงนั้นกลับย้อนกลับมา เดินโซเซไปข้างหน้าหลายก้าว
เลือดสีแดงสดกระอักออกมาจากปากของนางทันที
หรงเยี่ยตะโกน "พระชายา"
เขากำลังจะพุ่งไปหาไปชิงหลิง ใครจะไปคิดว่าจักรพรรดิเหยาจะรั้งแขนของเขาไว้ ขัดขวางไม่ให้เขาไปข้างตัวไปชิงหลิง
" เสด็จพ่อ ท่านอย่าไปฟังความเท็จจากคนพวกนี้" หรงเยี่ยเอ่ยพร้อมกับตาที่แดงระเรื่อ
" มันจะใช่ความเท็จหรือเปล่านั้น เจ้าให้สองคนนี้บอกเสด็จพ่อ น้องเจ็ด เจ้าอย่าหลงงมงายเลย ผู้หญิงคนนี้ได้วางอุบายในจวนอ๋องต้วนตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนแล้ว เพื่อให้พวกราชวงศ์ได้รับความอับอาย และในวันนี้ นางก็ใช้เด็กคนเดียวในการเข้าหาน้องเจ็ด เด็กที่นางให้กำเนิดนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่เลือดเชื้อพระวงศ์ แต่เป็นเลือดเนื้อของราชทายาทหยางไคที่ล่มสลายไปแล้ว" หรงฉีพูดจบ ก็ไออย่างแรงทีหนึ่ง
ฟางกงกงได้หยิบผ้าออกมา หรงฉีใช้ผ้าปิดปากไว้ เพียงไม่นานนักก็มีเลือดกระอักออกมา
ฟางกงกงเอ่ยด้วยความร้อนรน " ท่านอ๋องต้วน กระอักเลือดอีกแล้ว"
เขาเงยหน้าจ้องมองจักรพรรดิเหยา " ฝ่าบาท ท่านอ๋องหรง ผู้หญิงคนนั้นฉวยโอกาสตอนที่รักษาอาการให้อ๋องต้วน แอบใส่ยาพิษเข้าไปบนตัวท่านอ๋องต้วน หมอหลวงหลี่ได้วินิจฉัยออกมาแล้ว มันคือยาพิษชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้แผลเน่า ไม่สมานแผล ฝ่าบาท ขอทรงทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ"
พูดจบ ฟางกงกงก็ฉีกเสื้อส่วนหน้าของหรงฉีออก ปรากฏแผลที่เต็มไปด้วยหนองเลือด
" ถ้าหากหมอหลวงหลี่ไม่พบความผิดปกติก่อน พิษนี้ก็คงจะลามเข้าไปถึงหัวใจของท่านอ๋องต้วนแล้ว ถึงเวลานั้นต่อให้เทพธิดาต้าหลัวมาเองก็ช่วยชีวิตท่านอ๋องต้วนไม่ได้แล้ว"
จักรพรรดิเหยาจ้องค้างไปบนบาดแผลบนตัวอ๋องต้วน
แล้วก็หันกลับมา จ้องมองไป๋ชิงหลิง
เหมือนกับต้องการจะถามอะไรสักอย่างกับไป๋ชิงหลิง แต่เพราะส่งเสียงไม่ได้ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรดี
หรงฉีดึงสติกลับมา แล้วเอาผ้าบนมือออก เค้นเสียงเอ่ยถาม " ไป๋ชิงหลิง เจ้าวางยาข้านั้นก็ถือว่ามากแล้ว แต่เจ้ากล้าวางยาเสด็จพ่ออีก แล้วเจ้า น้องเจ็ด เจ้ากลับสมคบกับนางนี้เพื่อมาฆ่าพ่อ มโนธรรมของเจ้าถูกสุนัขคาบไปกินแล้วหรือ เขาเป็นถึงเสด็จพ่อของเรานะ"
" เจ้าหุบปากซะ" หรงเยี่ยสลัดมือของตัวเองจากกำมือของจักรพรรดิเหยา แล้วก็ชักกระบี่ออกมา พุ่งแทงไปหาหรงฉี
ฟางกงกงร้องตะโกน " ระวัง คุ้มครองท่านอ๋องต้วน"
เสิ่นหรูเหลียนพุ่งมาดังสายฟ้าฟาด กระบี่ยาวในมือกวาดแกว่ง แทงไปผ่านหน้าของหรงเยี่ย ในขณะเดียวกันก็สั่งให้องครักษ์เหยี่ยวดำ " พาพระชายาและฝ่าบาทออกไป"
หรงฉีได้ยินดังนั้นก็รีบสั่ง " คุ้มครองเร็วเข้า อย่าให้องครักษ์เหยี่ยวดำพาไป๋ชิงหลิงออกไปจากที่นี่"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...