ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 520

ยาทุกตัวที่นางใช้นั้นต้องได้ผ่านมือของเสิ่นหรูเหลียน ผ่านการซักถามแล้วถึงจะใช้บนตัวหรงเยี่ยได้

จนนางทำแผลให้หรงเยี่ยสำเร็จ เสิ่นหรูเหลียนก็จัดการเก็บยาเหล่านั้นเข้ากล่องด้วยตัวเอง ปิดกล่องยา เอ่ย " กล่องยานี้ไม่ให้เอาไป ข้าต้องการตรวจสอบซ้ำ"

ไป๋ชิงหลิงกวาดสายตาไปบนกล่องยาของตัวเองแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ห้าม" ได้ เจ้าเอาไปตรวจสอบเลย"

นางหันหน้าไปมองจักรพรรดิเหยาที่ถูกฟางกงกงประคองไว้ เอ่ยต่อ" เมื่อสักครู่ข้าได้ตรวจชีพจรของฝ่าบาทแล้ว พบว่าพิษของฝ่าบาทนั้นไม่ได้มาจากอาหาร และไม่ใช่เพิ่งได้รับพิษไม่กี่ชั่วยาม แต่ถูกพิษมาหลายเดือนแล้ว เป็นถึงหมอประจำพระองค์ ขอแค่ตรวจสอบร่างกายของฝ่าบาทอย่างละเอียด ก็จะต้องพบความผิดปกติแน่นอน แต่ว่า... เมื่อสักครู่นั้นฝ่าบาททรงโกรธเกรี้ยวมาก ทำให้พิษกระจายไป และคนที่สามารถวางยานี้ได้นั้น...ต้องเป็นคนข้างกายแน่นอน"

จักรพรรดิเหยาสะดุ้งไปทีหนึ่ง เบิกตากว้าง แล้วก็ยกมือชี้ไปทางไป๋ชิงหลิงด้วยความเร่าร้อน ส่งเสียง " อึกๆ อักๆ" ต่อกันหลายครั้ง...

" ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าจังจะทำให้ตัวเองพ้นผิดหรือ" สีหน้าของหรงฉีเต็มไปด้วยความผิดหวัง " ไป๋ชิงหลิง เจ้าช่าง...ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ข้าเคยเก็บเจ้าไว้ในส่วนลึกของหัวใจทะนุถนอมเจ้า แต่เจ้า...กลับตั้งครรภ์ลูกของคนอื่น ทำให้ข้าหลงดีใจที่ได้เป็นพ่อคน ดี ข้าคิดว่าเจ้าคลอดไม่ได้แล้วก็ตายไปแล้วเมื่อหกปีก่อน เพื่อรักษาชื่อเสียงเจ้าข้ายอมปิดเรื่องอัปยศทั้งหมดไว้ แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะแกล้งตาย แล้วหนีไปอยู่กับชายชื่อหยางไค หกปีต่อมา...เจ้าทำให้น้องเจ็ดตกเป็นแพะรับบาปยังไม่พอ เจ้ายังได้วางยาพิษข้าและเสด็จพ่อด้วย ข้าดูออกว่าน้องเจ็ดจริงจังกับเจ้าจริงๆ แต่ในใจเจ้าคิดอะไรกันแน่ ทรยศเข้าครั้งแล้วครั้งเล่า...เแค๊ก แค๊ก แค๊ก..."

หรงฉีไออย่างแรงอีกครั้ง ไอครั้งนี้ ทำให้เขาสลบไปทันที

ไป๋ชิงหลิงเห็นฉากนี้แล้วก็หัวเราะเย็นชา " ฮา ฮา ฮา " ออกมา

" หรงฉี ไม่เสียทีที่เจ้าเกิดมาเป็นลูกของพระสนมเอกหรง ชอบใช้วิธีอ่อนน้อมและการสลบ ผ่านไปขนาดนี้แล้วนางก็ยังไม่ยังได้รับความชื่นชอบ ส่วนเจ้า...ไม่ว่าจะทำผิดกี่ครั้ง ฝ่าบาท...ก็จะให้อภัยเสมอ เจ้าเสแสร้งต่อไปเถิด อย่าปล่อยให้ความจริงเปิดเผยล่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น ทั้งเจ้าและตระกูลเวินของแม่เจ้า ก็จะเข้าสู่การฆ่าล้างชั่วโคตร"

หรงฉีสลบไปในอ้อมกอดของหญิงรับใช้คนหนึ่ง

ฟางกงกงประคองจักรพรรดิเหยา แล้วเค้นเสียงสั่ง " ยังไม่จับผู้หญิงคนนี้ไปขังอีกหรือ"

ราชองครักษ์คนหนึ่งผลักไป๋ชิงหลิงอย่างแรง ราชองครักษ์อีกคนก็หยิบกุญแจมือโบราณที่เตรียมมาใส่เข้าไปในข้อมือของไป๋ชิงหลิง คุมนางออกไป

เสิ่นหรูเหลียนเห็นฉากนี้แล้ว ก็หันกลับไปมองหรงฉีที่สลบไปด้วยความเคยชิน...

ไม่นานนักหรงฉีก็ถูกคนหามออกไป ส่วนจักรพรรดิเหยาก็ถูกฟางกงกงแบกไปหอซานไห่

ส่วนไป๋ชิงหลิงนั้นถูกคุมขังไว้ในเรือนถง ถูกทหารเกาะเงินเฝ้าไว้

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ไป๋ชงเซิงพบว่าหลังจากที่ไป๋ชิงหลิงและหรงเยี่ยออกจากจวนไปแล้วก็ไม่เคยกลับมาในจวนอีกเลย

" เสด็จย่าทวด ทำไมท่านแม่กับเสด็จพ่อถึงยังไม่กลับมาอีกฮะ" ไป๋ชงเซิงวิ่งไปในห้องด้วยความรีบเร่งแล้วถามด้วยสีหน้าที่กังวล

หลวนอี๋และหรงเฉินเองก็รู้สึกว่าวันนี้ในจวนเงียบเป็นพิเศษ เหมือนกับว่าคนข้างในและข้างนอกถูกแยกขาดจากกัน

หลวนอี๋เอ่ย " ท่านย่า ก่อนหน้านี้เสด็จพ่อเคยมาที่นี่ จากนั้นไม่นานพี่เจ็ดและพี่สะใภ้เจ็ดก็ออกจากจวนพร้อมกัน นี่มันทั้งวันแล้วพวกเขาไม่ได้ส่งข่าวอะไรมาเลย เราลองไปเยี่ยมเสด็จพ่อหน่อยไหมเพค่ะ"

"ข้าจะไปกับหลวนอี์ ฟ้ามืดแล้ว เวลากลางคืนนั้นวัดเต๋อหลินดูเงียบขรึมมาก แปลกจนน่ากลัว" เมื่อได้ยินหรงเฉินพูดแบบนี้ หลวนอี๋ก็รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

ไทเฮาพยักหน้า " ดีเหมือนกัน ลองไปดูหน่อย พี่เจ็ดของเจ้ายังได้รับบาดเจ็บด้วย ไม่ยอมรักษาแผลดีๆ แล้วก็ยังวิ่งพล่านไปทั่วอีก"

" ข้าไปด้วยได้ไหม" ไป๋ชงเซิงรู้สึกใจไม่สงบ รู้สึกว่าคืนนี้น่าจะเกิดเรื่องใหญ่เข้าแล้ว ไม่ได้เห็นไป๋ชิงหลิงและหรงเยี่ยกลับมาอย่างปลอดภัยก็รู้สึกไม่สบายใจ

ไทเฮาลูบหัวของนางด้วยความเอ็นดู เอ่ย " กลางค่ำกลางคืนแบบนี้ เซิงเอ๋อร์ไม่ต้องไปหรอก อวี่อัน เจ้าก็ไปกับองค์หญิงและอ๋องเฉินด้วย ถ้าพบเขาสองคน ฝากคำพูดข้าให้กับอ๋องหรง ให้เขากลับมารักษาตัวโดยเร็ว"

" เพค่ะ"

หลวนอี๋ หรงเฉินเดินออกจากจวนไปพร้อมกับสวี่อันและองครักษ์อีกสามคน ทำให้จวนนี้เงียบเหงากว่าเดิมมาก

แต่ว่าพวกเขาสามคนไปได้ไม่นาน เสิ่นโหรวเม่ยก็เข้ามาคารวะ

ไทเฮาไม่ได้หันหน้ามามองนาง จูงมือของไป๋ชงเซิง หันหลังแล้วก็เดินเข้าห้องไป

และก่อนที่นางจะก้าวข้ามธรณีประตูยังได้ทิ้งคำพูดเยือกเย็นไว้ประโยคหนึ่ง " ในช่วงนี้เจ้าไม่ต้องมาคารวะข้าแล้ว ให้ข้าได้พักสงบบ้าง เจ้าเองก็ไม่ต้องรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องเห็นหน้าข้า"

" ท่านย่า มันเป็นสิ่งจำเป็นเพค่ะ" เสิ่นโหรวเม่ยทำตาหยี ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา เอ่ยอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง" เพราะว่าช่วงเวลาต่อจากนี้ พระชายาหรงคงจะไม่สามารถมาคารวะท่านได้แล้ว"

เท้าของไทเฮาก้าวข้ามประตูธรณีพอดี แต่เมื่อได้ยินเสียงของเสิ่นโหรวเม่ย นางก็ใช้เท้ากระทบพื้นอย่างแรง

และไป๋ชงเซิงที่นางจูงไว้นั้นก็หันกลับไปด้วยความอาฆาตแค้น ใช้สายตาโกรธจ้องมองเสิ่นโหรวเม่ย เค้นเสียงด้วยความดุร้าย" เจ้าว่าอะไรนะ"

เข่าทั้งสองที่โค้งลงด้วยความนับถือของเสิ่นโหรวเม่ยค่อยๆ ตั้งตรง มุมปากโก่งขึ้นด้วยรอยยิ้ม เอ่ย " ท่านย่ายังไม่ทราบหรือ อ๋องหรงกับพระชายาหรง...ถูกแม่ทัพเสิ่น พี่ชายที่แสนดีของข้าจับตัวไปแล้ว"

" เจ้าเสวี่ย เจ้าเสวี่ยอะไรกัน ท่านย่า พวกเราถูกผู้หญิงคนนี้หลอกกันหมดแล้ว นางไม่ได้ชื่อไป๋เจ้าเสวี่ย" สีหน้าของเสิ่นโหรวเม่ยเผยให้เห็นถึงสีหน้าที่ได้ใจและมีความสุข ระหว่างคิ้วเผยให้เห็นอารมณ์ที่สะใจ เอ่ยออกมาทีละคำ " นางชื่อ...ไป๋ ชิง หลิง"

" ผัวะ" คำพูดของนางทำให้ไทเฮาตกใจจนแทบเข่าทรุด

ถอยหลังไปหลายก้าว ทำให้ชนกับประตูที่อยู่ข้างๆ

คนรับใช้ในวังที่อยู่ข้างๆ ต่างรีบวิ่งเข้าไปประคองไทเฮา " ไทเฮา ระวังข้างหลังพ่ะย่ะค่ะ"

ไทเฮาจับแขนนางรับใช้ไว้ เค้นเสียง " เสิ่นโหรวเม่ย เจ้าออกไปซะ ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า"

" ท่านย่า ข้ามาบอกท่านด้วยความหวังดี และรวมถึงเด็กที่ท่านจูงมือไว้ นางก็ไม่ใช่ลูกในไส้ของอ๋องหรง แต่เป็นลูกที่เกิดจากไป๋ชิงหลิงกับราชทายาทแคว้นฉีหยางไค"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น