หลวนอี๋เห็นว่าเขาเริ่มสงบลง จึงได้จับมืออีกข้างของจักรพรรดิเหยาแล้วพูดว่า :"เสด็จพ่อ พี่เจ็ดกับทหารองครักษ์เหยี่ยวดำกำลังตอกรกับแม่ทัพเสิ่นเพื่อปกป้องพวกเรา เขาไม่มีทางหักหลังเสด็จพ่อแน่นอน ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำก็เช่นกัน ท่านอย่าได้เชื่อคำพูดหลอกลวงของคนอื่น"
"อีกทั้ง ในตอนที่เสด็จย่าหมดสติ ภายในเรือนไม่ใครเลยแม้แต่คนเดียว พวกองครักษ์ติดตัว องครักษ์ลับต่างก็หายไปหมด ตอนนั้นเองที่พี่เจ็ดกับทหารองครักษ์เหยี่ยวดำของเขา รวมถึงพี่สะใภ้เจ็ดต่างถูกควบคุมโดยแม่ทัพเสิ่น มันคือแผนการชั่วร้ายที่วางแผนมาอย่างดี"
"พวกเขาเริ่มจากทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเสด็จพ่อและพี่เจ็ดแตกแยกกัน กำจัดแขนขวาของเสด็จพ่อก่อนถึงจะเก็บผลประโยชน์ได้ พวกเราจะก่อเรื่องให้พี่เจ็ดต้องแบ่งความสนใจในเรื่องนี้อีกไม่ได้แล้ว ได้หรือไม่เสด็จพ่อ?"
จักรพรรดิเหยาเริ่มน้ำตาคลอ ขอบตาก็ค่อยๆแดงขึ้น
เขาไม่เคยตั้งใจมองลูกสาวคนนี้เหมือนคืนนี้มาก่อน
นางเหมือนนางขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ น้ำเสียงที่พูดอยู่ขณะนี้......
อยู่ๆเขาก็คิดถึงนางเหลือเกิน......
ใจของจักรพรรดิเหยากระตุก เขาดึงมือของเขาออกจากมือของหลวนอี๋ จากนั้นก็ยกขึ้นด้วยความสั่น วางไว้บนหน้าที่มอมแมมของหลวนอี๋
ใช้นิ้วโป้งเช็คคราบเปื้อนบนหน้าของนางเบาๆ
น้ำตาของหลวนอี๋ไหลลง นำหน้าซบเข้ากับฝ่ามือใหญ่กว้างของจักรพรรดิเหยา ถูไถเบาๆ
เสิ่นโหรวเม่ยเห็นเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกไม่พอใจ
"เสด็จพ่อ ข้าก็เป็นหมอหญิง บัดนี้พระชายาหรงไม่ทราบว่าเป็นมิตรหรือภัย เสด็จย่าอยู่ในนมือนางจะให้คนไว้ใจได้เยี่ยงไร ลูกจะเข้าไปช่วยด้วยและยังสามารถสังเกตพฤติกรรมของพระชายาหรงด้วย"
หลวนอี๋สีหน้าตึงเครียด หันหน้ากลับไป ขมวดคิ้วมองไปที่เสิ่นโหรวเม่ยแล้วพูดว่า:"ได้ยินมาว่าหลังจากที่ข้ากับพี่แปดและแม่นมอวี่ออกจากเรือนหลิน พี่สะใภ้แปดเคยไปที่เรือน แผลบนตัวของเซิงเอ๋อร์ก็มาจากพี่สะใภ้แปด!"
ไป๋ชงเซิงมองไปที่เสิ่นโหรวเม่ยด้วยแววตาที่เฉียบคม
จักรพรรดิเหยาและเหล่าขุนนางต่างก็มองไปที่เสิ่นโหรวเม่ย
หรงเชินพูดว่า:"หลวนอี๋ เจ้ากำลังสงสัยอะไรอยู่ พี่สะใภ้แปดของเจ้าบอกกับข้าแล้ว เป็นฝ่ายเซิงเอ๋อร์ที่เอาหัวชนท้องของนางก่อน และเพื่อปกป้องลูกในท้องของนาง นางจึงไม่ระวังพลั้งมือทำให้เซิงเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บ นางก็รู้สึกเสียใจมากแล้ว"
เสิ่นโหรวเม่ยถอยหลังหนึ่งก้าว พูดด้วยสีหน้าน้อยใจ:"เพคะ เรื่องนี้......ข้าผิดเอง ข้าไม่โต้เถียงอะไรทั้งนั้น"
"เจ้าอย่าพึ่งรีบ พวกเรามาเคลียร์กันไปทีละเรื่อง"หลวนอี๋อุ้มไป๋ชิงหลิงไว้ วินาทีเดียวก็ไม่กล้าปล่อยนางไป
นางลุกยืนขึ้น เดินไปหาเสิ่นโหรวเม่ยช้าๆแล้วพูดว่า:"เซิงเอ๋อร์บอกกับข้าว่า หลังจากที่ข้ากับพี่แปดและแม่นมอวี่ออกไปไม่นานเจ้าก็มสน้อมทักทาย และการน้อมทักทายที่ว่าของเจ้าคือการวิจารณ์นู้นนี่ต่อหน้าเสด็จย่า ยั่วให้เซิงเอ๋อร์โมโห ยั่วให้เสด็จย่าโมโห พี่สะใภ้เจ็ดเคยพูดไว้แล้วว่าสภาพร่างกายของเสด็จย่าไม่เหมาะที่จะมีอารมณ์สุดขั้ว เรื่องนี้พี่แปดก็เคยบอกเจ้าไปแล้วมิใช่หรือ"
หรงเชินตัวกระตุก หันหน้ามองไปทางเสิ่นโหรวเม่ย
แน่นอนว่าเรื่องนี้เขาเคยบอกไว้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...