เสิ่นหรูเหลียนรีบวิ่งเข้าไปในค่ายอย่างรวดเร็วและตะโกนว่า “ท่านอ๋องหรง พระชายาท่านอ๋องหรง รีบไป ข้าจะดูแลจัดการที่นี่”
หรงเยี่ยมายืนข้างไป๋ชิงหลิง ช่วยพยุงไป๋ชิงหลิงขึ้นม้า และพูดว่า “พระชายา พวกเราไปกับเถอะ”
ไป๋ชิงหลิงอุ้มหรงจิ่งหลินไว้ และนั่งบนม้าตัวเดียวกับหรงเยี่ย แล้วรีบวิ่งออกจากโรงหล่อ
ตอนนี้จิ่งหลินได้รับบาดเจ็บ เธอไม่มีเวลาเป็นห่วงผู้บริสุทธิ์คนอื่นที่อยู่ในโรงหล่ออีกต่อไป หวังเพียงว่าเสิ่นหรูเหลียนจะสามารถช่วยพาพวกเขาออกมาจากโรงหล่อได้อย่างปลอดภัย และหยุดยั้งการระเบิดครั้งนี้ได้
หลังจากออกมาจากภูเขาจางซาน หรงเยี่ยก็หารถม้ามาคันหนึ่ง
หลังจากที่ไป๋ชิงหลิงอุ้มจิ่งหลินขึ้นรถม้า เธอก็รีบถอดเสื้อผ้าของเขาออก
หรงจิ่งหลินเดิมทีก็ตัวเล็กกว่าเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกันเนื่องจากได้รับพิษ ตอนนี้เขาต้องมาทนทุกข์ทรมานอยู่นอกบ้านเป็นเวลาหลายเดือน ร่างกายของเขาก็ยิ่งซูบผอม
ตอนนี้เธอหวังเพียงว่าแผนการเปลี่ยนถ่ายเลือดเพื่อขับพิษให้หรงจิ่งหลินของหมอเทวดาซูครั้งนั้นจะสำเร็จ แต่หลังจากที่ตรวจร่างกายให้เขา ไป๋ชิงหลิงก็ตรวจพบโรคอื่นในร่างกายของหรงจิ่งหลิน
หรงเยี่ยเห็นสีหน้าเธอผิดปกติ จึงถามว่า “พระชายา ลูกชายของเรา........เป็นอย่างไรบ้าง?”
ดวงตาของไป๋ชิงหลิงแดงก่ำ เงยหน้ามองเขา “อาการไม่ค่อยดี!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หรงเยี่ยก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอ “อย่าใจร้อน พวกเราค่อยๆเริ่ม”
“ตามหมอเทวดาซูมา ท่านไปตามเขามาตอนนี้เลย ร่างกายของจิ่งหลินดูแปลกๆ ดูเหมือนเขามีบางอย่างผิดปกติ”
เมื่อหรงเยี่ยเห็นเธอกำลังตื่นตระหนก จึงเอื้อมมือออกไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน “ชิงหลิง อย่ากังวล เจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวเอง จิ่งหลินกลับมาอยู่กับพวกเราแล้ว พวกเรามีเวลาที่จะรักษาโรคให้กับเขา”
“พิษที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายของจิ่งหลินได้ถูกขับออกไปแล้ว แต่ยังมีพิษแปลกๆอยู่ในร่างกายของเขา ท่านดู!” ไป๋ชิงหลิงพลิกหลังมือของหรงจิ่งหลิน แล้วแยกนิ้วของเขาออก
ที่ปลายนิ้ว มีเส้นเลือดสีแดงเล็กๆอัดแน่นไปหมด.......
หรงเยี่ยหรี่ตาลง คว้ามือที่เหลืองซีดของหรงจิ่งหลิน จ้องมองอย่างเฉียบคมไปที่ความแปลกประหลาดที่ปลายนิ้วของเขา
ไป๋ชิงหลิงกล่าวว่า “จิ่งหลินได้รับบาดเจ็บภายนอก และภายใน เขาไม่เหมาะที่จะเดินทางระยะไกลกับพวกเรา ต้องอยู่รักษาตัวที่นี่สองสามวัน ท่านให้ข้าพักที่โรงเตี๊ยม ข้าจะรอท่านอยู่ที่โรงเตี๊ยม หมอเทวดาซูรู้เรื่องการขับพิษมากกว่าข้า เรื่องนี้จะล่าช้าไม่ได้ ข้างหน้ามีเมืองเล็กๆ หลังจากเสด็จพ่อลงเขา ก็ต้องผ่านเมืองไป๋หู เสด็จพ่อและจิ่งหลินต่างต้องการหมอเทวดาซู ข้าช่วยไม่ได้ ข้าช่วยไม่ได้.........”
โดยเฉพาะเมื่อเธอเห็นหรงจิ่งหลินในสภาพเช่นนี้ เธอก็ทรุดตัวลงร้องไห้ และอยากกรีดร้อง
เธอรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
เธอปวดใจจนแทบตาย
ลูกๆของเธอได้รับบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า เธอไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ เธอรู้สึกโทษตัวเองอย่างมาก
หรงเยี่ยลูบใบหน้าของเธอ แล้วพูดว่า “ข้าให้ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำไปรับหมอเทวดาซู พวกเราไปที่เมืองไป๋หูก่อนเถอะ”
หลังจากพูดจบ หรงเยี่ยก็ปล่อยเธอ ขณะที่เขากำลังจะลงจากรถม้า ไป๋ชิงหลิงก็ดึงข้อมือของหรงเยี่ยไว้ “หรงเยี่ย!”
หรงเยี่ยหันมามองเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...