ถุงมือที่คล้ายสีเนื้อ และปักลายกล้วยไม้อย่างประณีตไว้ข้างบน
เมื่อไป๋ชิงหลิงพูดคำพูดเหล่านี้ หลวนอี้และหรงเยี่ยต่างก็มองไปที่ถุงมือของเสิ่นโหรวเม่ย
หลวนอี๋เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว คว้ามือซ้ายของเสิ่นโหรวเม่ย แล้วถอดถุงมือของนาง
ขณะที่เสิ่นโหรวเม่ยถูกถอดถุงมือ นางก็ดิ้นรนอย่างแรง “อย่ามาแตะต้องมือของข้า”
“ในเมื่อเจ้าไม่ได้ทำอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนมัน ยื่นมือออกมา” หลวนอี๋ใช้กำลัง ดึงมือซ้ายของเสิ่นโหรสเม่ยจากข้างหลังมาข้างหน้า
ทันใดนั้นมือที่เต็มไปด้วยแผลไฟไหม้ ก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน
เสิ่นโหรวเม่ยร้องไห้และพูดว่า “เห็นแล้วใช่ไหม เห็นชัดเจนหรือยัง พวกเจ้าคิดว่าข้าอยากจะสวมถุงมือตลอดทั้งวันหรือ”
“เม่ยเอ๋อร์!” หรงเชินวิ่งเข้าไป และผลักหลวนอี๋ออกอย่างแรง แล้วกอดนางไว้ในอ้อมแขน แล้วตะคอก “พี่เจ็ด หลวนอี๋ ยังมีเจ้า........พวกเจ้าจะบังคับเม่ยเอ๋อร์ให้ตายถึงจะพอใจหรือ?”
“เสด็จพ่อ ท่านพูดอะไรบ้างสิ ไป๋ชิงหลิงนางเป็นแม่มด ที่ล่อลวงพี่เจ็ดและหลวนอี๋.........”
“ไม่ใช่!” ไป๋ชิงหลิงตะคอกอย่างเย็นชา เธอหยิบถุงมือที่อยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วพลิกกลับด้านในถุงมือออกมา
หลวนอี๋ลุกขึ้นยืน และถามด้วยความสงสัย “พี่สะใภ้เจ็ด มีอะไรหรือ?”
ไป๋ชิงหลิงพลิกด้านในถุงมือออกมา แล้วหยิบขึ้นมาใช้จมูกดมกลิ่น
เธอไม่ได้กลิ่นอะไร จึงยื่นถุงมือให้ไป๋ชงเซิง “เซิงเอ๋อร์ เจ้าลองดมดู แค่แป๊บเดียวก็พอ”
ไป๋ชงเซิงสูดดมกลิ่น และขมวดคิ้วทันที “ท่านแม่ มีกลิ่นยาที่แรงมาก”
ไป๋ชิงหลิงมองดูรอยแผลไฟไหม้ขนาดใหญ่บนแขนของเสิ่นโหรวเม่ยอีกครั้ง.........
เสิ่นโหรวเม่ยก็สังเกตเห็นว่าไป๋ชิงหลิงกำลังจ้องมองที่แขนของนาง
นางจึงหลบไปข้างหลังโดยไม่ทันตั้งตัว แล้วจับแขนของหรงเชินอย่างตั้งใจ และพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ถุงมือของข้ามีกลิ่นยาแปลกตรงไหน ผู้หญิงคนไหนที่จะยอมทนกับรอยแผลน่าเกลียดไปตลอดชีวิต เจ้าเองก็พยายามคิดค้นครีมประทินผิวไม่ใช่หรือ ข้าก็หวังว่าจะพยายามลบรอยแผลเป็นบนมือได้ด้วยตัวเอง”
“เจ้าโกหก!” ไป๋ชงเซิงตะโกนอย่างตื่นเต้น และกวาดสายตามองเสิ่นโหรวเม่ย “นี้ไม่มีส่วนผสมที่สามารถลบรอยแผลเป็นได้เลย”
จักรพรรดิเหยามองไปที่ไป๋ชงเซิงโดยไม่รู้ตัว
“ในถุงมือนี้มีสีหญ้าเจ็ดดาว กระถินเทศ ดอกลำโพงม่วง มะเค็ด แมงป่องพิษคู่.......โรสแมรี่จากภูมิภาคตะวันตก แม้ว่ากลิ่นของโรสแมรี่จะอ่อนมาก จนแทบจะไม่ได้กลิ่น แต่ข้าได้กลิ่นมัน” ไป๋ชงเซิงพูดชื่อสมุนไพรที่เธอได้กลิ่นออกมาด้วยน้ำเสียงของเด็กน้อย
สีหน้าของเสิ่นโหรวเม่ยก็เปลี่ยนไปทันที
หลวนอี๋มองไป๋ชงเซิงด้วยสีหน้าตกตะลึง ไม่คิดว่าเด็กตัวเล็กแค่นี้ จะมีความสามารถพิเศษเหนือคนอื่นเช่นนี้
แม้แต่จักรพรรดิเหยาก็ยังตกตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...