ช่วงเวลาต่อมาเขาเอื้อมมือออกไปโอบรอบเอวของนาง จูบริมฝีปากของนาง และลากลิ้นยาวของเขาไปทั่วปากที่มีกลิ่นหอมของนาง
นางผลักเขา ใบหน้าของนางแดงเล็กน้อย “ลี่ว์อียังอยู่ที่นี่”
“หวานจริง ๆ ”
“มากินข้าวกันเถอะ ข้าหิวแล้ว” ไป๋ชิงหลิงกล่าว
การระมัดระวังของหรงเยี่ยเกินความคาดหมายของนาง
นางไม่อยากเผชิญหน้ากับหรงเยี่ยด้วยซ้ำ และนางก็ไม่กล้าคิดว่าเมื่อเขารู้ว่านางท้องอีกครั้ง ทัศนคติของเขาจะเป็นอย่างไร
บุตรที่เคยแท้งมาก่อนหน้านี้ ทำให้ทั้งสองเสียใจมาก
เขาดูแลมื้ออาหารของนางอย่างระมัดระวัง แต่นางต้องจัดการอาหารทุกจานที่เขาใส่เข้ามา โดยที่จะใส่หรือไม่ใส่ยา
ในที่สุดนางก็พบว่าอาหารที่เขาขอให้คนเตรียมนั้น ล้วนมีผลในต่อการคุมกำเนิด
สิ่งนี้ทำให้ไป๋ชิงหลิงทรุดตัวลง
นางหยิบข้าวสองสามคำ แล้ววางตะเกียบลง
หรงเยี่ยเห็นใบหน้าที่หน้าที่ดูแย่ของนาง และถามอย่างกังวล “เป็นอะไรไปหรือ?”
“ช่วงนี้ข้าทำงานหนัก และเห็นได้ชัดว่าหิวมาก แต่เมื่อเห็นว่ากินได้ไม่มาก ทันใดนั้นก็คิดถึง……ขนมดอกซิ่งฮวาที่ชิงอีทำ และของว่างมากมาย” เมื่อเอ่ยถึงชิงอี น้ำตานางก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นดวงตาของลี่ว์อีเปลี่ยนเป็นสีแดง “พระชายา หากพระองค์ไม่ชอบอาหารเหล่านี้ หม่อมฉันจะให้คนนำอาหารขึ้นมาเปลี่ยนเพคะ”
“ไม่จำเป็น” ไป๋ชิงหลิงปาดน้ำตาจากหางตาของนางแล้วพูดว่า “ข้าจะไปหาซื่อจื่อ”
นางค่อย ๆ ลุกขึ้น และหรงเยี่ยก็จับมือนาง “พระชายา ข้าจะให้คำทำอาหารเพิ่มอีกสองสามจาน ร่างกายเจ้าไม่สบาย เจ้าต้องทานอาหารดี ๆ ”
“ข้า……”
“ก๊อก ก๊อก!” ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
จากนั้นเสียงของเสิ่นหรูเหลียนก็ดังขึ้นมา “อ๋องหรง อ๋องเฉินตื่นตระหนก และเขวี้ยงสิ่งของต่าง ๆ ฝ่าบาทเรียกให้พระองค์ไปดูพ่ะย่ะค่ะ!”
ดูสิไป๋ชิงหลิงเกือบจะปรบมือ เสด็จพ่อมาถูกเวลาจริง ๆ
หรงเยี่ยขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ข้าจะไปดู เจ้านั่งลงทานอาหารเถอะ”
จากนั้น เขาก็สั่งลี่ว์อี “เจ้าลงไปเติมอาหารให้พระชายาอีก”
“เพคะ” ลี่ว์อีออกจากห้องก่อน
หรงเยี่ยลูบไปหน้าเล็ก ๆ ของไป๋ชิงหลิง และพูดอย่างกังวล “กินให้อร่อย ข้าจะกลับมาตรวจดู”
“อืม!”
ไป๋ชิงหลิงแอบมีความสุข แต่สีหน้าของนางยังคงกระสับกระส่าย ซึ่งทำให้หรงเยี่ยกังวลเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของนางมาก
เขาเดินตามหลังนาง ย่อตัวลง เอามือโอบรอบเอวเรียวของนางแล้วพูดว่า “พระชายา เสด็จย่ายังไม่ฟื้น เราจะไม่กลับเมืองหลวงเร็ว ๆ นี้ เจ้าไม่ต้องกดดันตัวเองมากเกินไป ถ้าอยากออกไปเดินเล่นผ่อนคลาย เจ้าสามารถพาทหารองครักษ์เหยี่ยวดำสองสามคนไปด้วย จิ่งหลินไว้เป็นเรื่องของหมอเทวดาซู เขาจะหายาแก้พิษได้แน่นอน เจ้าก็ต้องเชื่อข้าด้วย”
ไป๋ชิงหลิง หันกลับมาแล้วพูดว่า “ไปเร็วเข้า น้องแปดถูกกระตุ้นแล้ว เจ้าควรใช้เวลาอยู่กับเขาให้มากขึ้น และให้ความกระจ่างแก่เขา “
“ข้าเป็นห่วงเจ้ามากที่สุด” เขาลูบไล้ใบหน้าของนาง “เจ้าผอมมาก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...