ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 55

พระสนมเอกหรงกลับทำสีหน้าไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียว

นางสามารถรักษาอาการป่วยได้ เป็นไปไม่ได้

ตอนที่หรงจิ่งหลินถูกยิงด้วยลูกธนู เป็นช่วงที่นางได้อยู่เฝ้าไทเฮา

ทุกๆ ครึ่งชั่วยาม จะมีคนเข้ามาในวังหลวงเพื่อรายงานอาการของหรงจิ่งหลิน

สามารถกล่าวได้ว่า หรงจิ่งหลินกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่อันตราย

นางคนเดียวสามารถช่วยชีวิตของเด็กคนนั้นได้

หลอกใครอย่างนั้นหรือ?

นางรีบกล่าวหา "ท่านอ๋องหรง ไทเฮาปฏิบัติต่อท่านไม่ดีอย่างนั้นหรือ จนถึงตอนนี้แล้วท่านยังคิดจะช่วยผู้หญิงคนนี้อีก แถมยังกล้าเอาชีวิตของไทเฮามาล้อเล่น ท่านเข้าไปดูอาการของไทเฮา ท่านทำลงไปได้อย่างไรกัน!"

หรงเยี่ยขมวดคิ้วและจ้องไปที่นางอีกครั้งอย่างเยือกเย็น

หมอหลวงฮั่วที่มีประสบการณ์ยาวนานได้เดินออกมาข้างหน้าและกล่าวว่า "ฝ่าบาทได้โปรดไตร่ตรองอย่างรอบคอบพ่ะย่ะค่ะ เสิ่นโหรวเม่ย หลานสาวคนโตของท่านผู้เฒ่าเสิ่นที่มีความสามารถมากที่สุดในสำนักหมอหลวงก็ไม่สามารถรักษาพระอาการประชวรของไทเฮาได้ อีกทั้งกระหม่อมได้คิดแผนการรักษาใหม่ขึ้นมา และได้ให้ไทเฮาเสวยเข้าไปแล้ว ตอนนี้อาการประชวรของไทเฮาได้พ้นขีดอันตรายแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หมอหญิงที่อายุน้อยอย่างไป๋ชิงหลิง ไม่อาจเทียบได้กับเสิ่นโหรวเม่ยที่เก่งและโดดเด่นที่สุด

หมอหญิงที่เก่งและโดดเด่นเช่นนั้นยังไม่มีวิธี เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น

หรงเยี่ยรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย "เจ้าแน่ใจหรือว่าอาการประชวรของไทเฮาจะไม่กำเริบขึ้นอีก และจะไม่เจ็บปวดทรมานเช่นนั้นอีก"

"ท่านอ๋องหรงพ่ะย่ะค่ะ อาการประชวรของไทเฮาไม่ใช่จะหายได้ในทันที จำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้นพ่ะย่ะค่ะ"

"พักฟื้น?" หรงเยี่ยถามกลับ "ต้องพักฟื้นไปถึงเมื่อไรถึงจะหายเป็นปกติ"

หมอหลวงฮั่วพูดไม่ออก

เขาชำเลืองมองหรงเยี่ยก่อน จากนั้นหันไปมองจักรพรรดิเหยา "ไทเฮามีพระชันษามากแล้ว หากได้รับการพักผ่อนอย่างดีจะค่อยๆ หายดีอย่างแน่นอน และห้ามทำให้ไทเฮาโกรธอีกพ่ะย่ะค่ะ"

หมอหลวงจ้าวและหมอหลวงหลี่จ้องหน้ากัน พวกเขาลังเลจะพูดออกมา แต่ได้หยุดเอาไว้

พอดีกับที่จักรพรรดิเหยาเห็นสีหน้าของพวกเขาทั้งสองคน และตรัสถามขึ้นมา "หมอหลวงจ้าว หมอหลวงหลี่"

หมอหลวงทั้งสองคนรีบคุกเข่าลง

หมอหลวงจ้าวชำเลืองมองดูไป๋ชิงหลิง จากนั้นก้มศีรษะลงและกล่าวว่า "ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่ท่านอ๋องหรงกล่าวมานั้นเป็นความจริงทุกประการพ่ะย่ะค่ะ"

อะไรนะ?

ทุกคนต่างพากันอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง

"เป็นไปได้อย่างไร นางดึงลูกธนูออกให้หรงจิ่งหลิน นางทำได้อย่างไร" หมอหลวงฮั่วไม่เชื่อ

หมอหลวงซุนก็ออกความเห็นถึงความสงสัยของตัวเอง "หากนางเป็นคนดึงลูกธนูออกให้องค์รัฐทายาทจิ่งจริง เหตุใดถึงไม่พูดออกมา แต่กลับปิดเป็นความลับ"

นี่นับว่าเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ทุกคนต่างรู้ว่าฝ่าบาททรงรักและโปรดปรานหรงจิ่งหลิน

นางได้ช่วยชีวิตหลานอันเป็นที่รักของจักรพรรดิ จะต้องได้รับการตอบแทนเป็นรางวัล รางวัลจากจักรพรรดิมีใครบ้างที่ไม่ต้องการ

แม้แต่จักรพรรดิเหยาก็ไม่อาจเชื่อ อายุนางเพียงน้อยนิดจะเทียบกับบรรดาหมอหลวงของสำนักหมอหลวงได้อย่างไร

หรงเยี่ยเตะเก้าอี้ที่อยู่ข้างกายออกไป และถอนหายใจแรง

ขณะนี้ได้มีหมอหญิงคนหนึ่งวิ่งออกมาจากข้างในและคุกเข่าลง "ฝ่าบาทเพคะ ไทเฮาอาเจียนอีกแล้วเพคะ และพระโอสถที่เสวยไปเมื่อครู่ก็ถูกอาเจียนออกมาจนหมดเลยเพคะ"

ร่างกายของหมอหลวงฮั่วแข็งทื่อ "เป็นไปได้อย่างไร เมื่อสักครู่ข้าเห็นไทเฮาเสวยเข้าไปแล้ว"

สีหน้าของหรงเยี่ยแสดงความโกรธและกล่าวอย่างประชดประชัน "นี่หรือที่เจ้าบอกว่าอาการปลอดภัยแล้ว เสด็จพ่อ กระหม่อมไม่เคยโกหกเสด็จพ่อ หมอหลวงจ้าวจะกล้าโกหกเสด็จพ่อได้อย่างไร หากเสด็จพ่อไม่เชื่อ กระหม่อมยินดีเอาชีวิตของกระหม่อมเป็นประกันพ่ะย่ะค่ะ"

หัวใจของไป๋ชิงหลิงสั่นไหวและเงยหน้าขึ้นมองเขา

และได้สบสายตากับเขาพอดี แววตาของเขาแน่วแน่ โดยไม่เหลือทางเลือกอื่นให้ตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว

ตอนที่เดินทางมานั้น ไป๋ชิงหลิงก็พอเดาออกว่าต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

คนของสำนักหมอหลวงส่วนใหญ่ล้วนต่างหยิ่งทะนง พวกเขาไม่มีทางยอมให้นางได้แตะต้องไทเฮาเด็ดขาด ฝ่าบาทเป็นคนขี้สงสัย พระองค์ไม่มีทางยอมเสี่ยงอย่างแน่นอน

เพราะเกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับไทเฮา และพระองค์จะถูกตีตราด่าทอว่าเป็นคนอกตัญญู

"จักรพรรดิ" พระองค์นี้ เป็นคนที่ให้ความสำคัญในชื่อเสียงของตัวเองอย่างมาก

ทว่านางกลับคิดไม่ถึงว่า หรงเยี่ยจะยอมเอาชีวิตของเขามาเสี่ยงรับประกันแทนนาง และไม่ได้พูดออกไปว่าตัวตนที่แท้จริงของนางคือหมอเทวดา......

"ฝ่าบาทเพคะ ข้าน้อยอยากให้ฝ่าบาทให้ทอดพระเนตรอะไรอย่างหนึ่งเพคะ!" จู่ๆ ไป๋ชิงหลิงก็กล่าวขึ้นมา

สายตาของจักรพรรดิเหยาจ้องมองไปที่นางอีกครั้ง "อะไรหรือ?"

"ของสิ่งนี้ มีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่สามารถทอดพระเนตรได้เพคะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น