ขณะที่ไป๋ชิงหลิงกล่าวจบ พระสนมเอกหรงได้มองไปที่นางอีกครั้ง
นางไม่มีทางเชื่อว่าไป๋ชิงหลิงจะสามารถช่วยชีวิตไทเฮาได้ นางคิดว่าคงมีอะไรดลใจให้ท่านอ๋องหรงคิดอยากพยายามช่วยผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ปิด จึงได้แต่งเรื่องไร้สาระเหลวไหลเช่นนี้ออกมา แม้แต่หมอหลวงจ้าวและหมอหลวงหลี่ก็เป็นพวกเดียวกับท่านอ๋องหรง
เมื่อนึกได้เช่นนี้ มารชั่วร้ายที่อยู่ในใจของพระสนมเอกหรงก็ส่งเสียงดังคร่ำครวญ
นางคาดหวังให้ไป๋ชิงหลิงเข้าไปทำการรักษาอาการประชวรให้กับไทเฮา เมื่อถึงตอนนั้น ฉี่เอ๋อร์ของนางก็จะหลุดพ้นจากความผิด
อย่างไรเสีย ยาที่บรรดาหมอหลวงให้ไทเฮาเสวย ก็ไม่ได้ทำให้ไทเฮาสิ้นพระชนม์หรือเป็นอะไรไป
แต่เมื่อตกไปอยู่ในมือของไป๋ชิงหลิงแล้ว หากไทเฮาสิ้นพระชนม์ลง เช่นนั้นท่านอ๋องหรงก็คงหนีไม่พ้นจากความผิด
ต่อให้ฝ่าบาทคิดอยากปกป้องท่านอ๋องหรงอย่างไร ก็ไม่อาจต้านทานต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปได้ และสุดท้าย......
ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่ท่านอ๋องหรงมีอยู่ในตอนนี้ จะถูกฝ่าบาทปลดและเรียกกลับทั้งหมด
ทว่า ก็ไม่อาจปล่อยให้ไป๋ชิงหลิงเข้าไปทำการรักษาอาการประชวรของไทเฮาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
"ฝ่าบาทเพคะ หมอหลวงฮั่วเป็นหมอหลวงที่อาวุโสและมีความสามารถมากที่สุดในสำนักหมอหลวง ฝ่าบาทอย่าได้เชื่อคำพูดของปีศาจหญิงคนนี้นะเพคะ นางอายุเพียงน้อยนิด หม่อมฉันไม่เชื่อเด็ดขาดว่านางจะเก่งกาจถึงเพียงนั้น และตอนนี้อาการของไทเฮาก็เป็นเช่นนี้ ยังถือว่าพอมีโอกาสรักษาให้หายได้ แต่หากให้นางรักษาอาการประชวรของไทเฮาและเกิดอะไรขึ้น......หม่อมฉันได้ตระหนักคิดแทนฝ่าบาทนะเพคะ ฝ่าบาทได้โปรดไตร่ตรองเพคะ......"
พระสนมเอกหรงคุกเข่าลงและคลานเข่าไปหน้าจักรพรรดิเหยา และจับไปยังฉลองพระองค์ของจักรพรรดิเหยา แต่ละคำพูดของนางนั้นทิ่มแทงเข้าไปในใจของจักรพรรดิเหยา
คงไม่มีใครที่รู้ใจพระองค์มากเกินไปกว่าพระสนมเอกหรงแล้ว......
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นในใจ
พระสนมเอกหรงคิดอยากใช้เรื่องนี้ตอบโต้นางกลับ และต้องการให้นางต้องจบชีวิตลงที่ตำหนักฮุ่ยหนิงอย่างนั้นหรือ!
แถมยังกล่าวอย่างทรงเกียรติสง่างาม
"หากฝ่าบาทเห็นสิ่งของในมือของข้าน้อยแล้วและยังคงไม่เชื่อมั่น ข้าน้อยจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอาการประชวรของไทเฮา และความเป็นความตายของไทเฮาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับข้าน้อยเพคะ" นางยืดอกตรงด้วยสีหน้าจริงจัง ซึ่งดูไม่ออกเลยว่านางคือประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่งที่ต่ำต้อยกว่าอำนาจของจักรพรรดิ......
ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าหาญเหลือเกิน ที่กล้าพูดเช่นนั้นกับองค์จักรพรรดิ
จักรพรรดิเหยาก็พอจะดูออกว่านางค่อนข้างบ้าบิ่น
"เจ้าไม่กลัวตายอย่างนั้นหรือ?" น้ำเสียงของจักรพรรดิเหยาตรัสถามออกมาอย่างเย็นชาเล็กน้อย
ไป๋ชิงหลิงกล่าว "กลัวเพคะ ในฐานะที่ข้าน้อยเป็นแม่ ข้าน้อยกลัวตายมากกว่าใครอื่นเพคะ"
จักรพรรดิเหยาหรี่ตาลง แววตาที่แหลมคมจ้องมองไปยังไป๋ชิงหลิง เพื่อหวังจะอ่านใจของผู้หญิงคนนี้ให้ออก ทว่ากลับค้นพบว่า......แววตาของผู้หญิงคนนี้เยือกเย็นราวกับธารน้ำแข็ง!
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้จักรพรรดิเหยาเกิดความสงสัยว่านางจะหยิบของอะไรออกมา เพื่อให้เขาเองยอมเชื่อใจนาง
"ออกไปให้หมด" จักรพรรดิเหยารับสั่งออกไป
สีหน้าของหมอหลวงฮั่วแย่ลงและเงยหน้าขึ้นเหลือบมองจักรพรรดิเหยา จากนั้นจึงไม่กล้าพูดอะไรอีกและถอยออกไป
พระสนมเอกหรงกลับไม่ลุกขึ้น นางยังคงจับฉลองพระองค์ของจักรพรรดิเหยาเอาไว้แน่น "ฝ่าบาทเพคะ ไทเฮาทรงมีพระชันษามากแล้ว ไม่อาจทนรับต่อการกระทำของปีศาจหญิงคนนั้นได้ หม่อมฉันยอมเฝ้าดูแลและป้อนพระโอสถให้ไทเฮาทุกวันโดยไม่ไปไหนเพคะ......"
"พระโอสถที่ให้ไทเฮาเสวยเข้าไปก็ได้อาเจียนออกมาหมดแล้ว เช่นนั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตอนนี้ไทเฮายังไม่สามารถเสวยอะไรได้" ไป๋ชิงหลิงตอบอย่างตรงไปตรงมา
พระสนมเอกหรงหันไปหานาง "เจ้า......"
"พระสนมเอกหรง ออกไปเดี๋ยวนี้" จักรพรรดิเหยากล่าวตำหนิ
ร่างกายของพระสนมเอกหรงสั่นสะท้านเล็กน้อย
แม่นมกวนที่อยู่ข้างหลังรีบเดินมาข้างหน้าเพื่อประคองพระสนมเอกหรงลุกขึ้น
ไม่นานผู้คนที่อยู่ภายในตำหนักก็ต่างพากันออกไปจนหมด แต่หรงเยี่ยกลับไม่ออกไปไหน
ไป๋ชิงหลิงขยิบตาให้เขา และไม่ได้ต้องการให้เขาออกไป
เพราะถึงอย่างไร เขาก็เป็นคนที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของนาง
"เอาออกมาได้แล้ว" จักรพรรดิเหยายังคงขมวดคิ้ว
ไป๋ชิงหลิงโค้งตัวลงเล็กน้อยและกล่าวว่า "ในช่วงนี้ฝ่าบาททรงมีอาการบรรทมยากและฝันบ่อยครั้ง หรืออาการปวดหลังปวดเข่าบ้างหรือไม่เพคะ!"
จักรพรรดิเหยารู้สึกตกใจอยู่ครู่หนึ่งและมองไปยังไป๋ชิงหลิงด้วยความประหลาดใจ
ช่วงนี้เขามีอาการนอนหลับยากและมักฝัน อีกทั้งร่างกายยังมีอาการปวดหลังปวดเข่าเกิดขึ้นจริง
เขาคิดว่าเป็นเพราะช่วงนี้เขาทำงานหนัก และรวมถึงอาการเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเขา จึงไม่ได้เรียกหมอหลวงเข้ามาดูอาการ
แต่ทว่า นางรู้ได้อย่างไร
นางไม่เคยได้ตรวจจับชีพจรของเขาเลยสักครั้ง
"มีหมอนรองอยู่ที่บริเวณแผ่นหลังของฝ่าบาท และมักเอาพระหัตถ์จับนวดที่เข่าอยู่บ่อยครั้ง นัยน์ตาเป็นสีม่วงเข้ม ซึ่งเป็นสัญญาณของการนอนไม่หลับ ข้าน้อยเพิ่งจะเข้ามาไม่นาน แต่ฝ่าบาทได้ดื่มชาไปแล้วห้าถ้วย ฝ่าบาทยังมีอาการคอแห้งด้วยใช่หรือไม่เพคะ......"
พระพักตร์ที่ตึงเครียดของจักรพรรดิเหยากระตุกเล็กน้อย "เจ้าเป็นใครกันแน่?"
"ข้าน้อยมาจากหุบเขาเซียนไหลแห่งเมืองเยี่ยนหนานเพคะ!"
"หุบเขาเซียนไหล......" จักรพรรดิเหยารู้สึกคุ้นกับชื่อนี้ และผ่านไปครู่หนึ่งพระองค์ก็ตรัสขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างประหลาดใจ "เจ้าคือหมอเทวดาที่ช่วยชีวิตคนอื่นโดยการผ่าท้องเพื่อเอาเด็กออกมา!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...