ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 56

ขณะที่ไป๋ชิงหลิงกล่าวจบ พระสนมเอกหรงได้มองไปที่นางอีกครั้ง

นางไม่มีทางเชื่อว่าไป๋ชิงหลิงจะสามารถช่วยชีวิตไทเฮาได้ นางคิดว่าคงมีอะไรดลใจให้ท่านอ๋องหรงคิดอยากพยายามช่วยผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ปิด จึงได้แต่งเรื่องไร้สาระเหลวไหลเช่นนี้ออกมา แม้แต่หมอหลวงจ้าวและหมอหลวงหลี่ก็เป็นพวกเดียวกับท่านอ๋องหรง

เมื่อนึกได้เช่นนี้ มารชั่วร้ายที่อยู่ในใจของพระสนมเอกหรงก็ส่งเสียงดังคร่ำครวญ

นางคาดหวังให้ไป๋ชิงหลิงเข้าไปทำการรักษาอาการประชวรให้กับไทเฮา เมื่อถึงตอนนั้น ฉี่เอ๋อร์ของนางก็จะหลุดพ้นจากความผิด

อย่างไรเสีย ยาที่บรรดาหมอหลวงให้ไทเฮาเสวย ก็ไม่ได้ทำให้ไทเฮาสิ้นพระชนม์หรือเป็นอะไรไป

แต่เมื่อตกไปอยู่ในมือของไป๋ชิงหลิงแล้ว หากไทเฮาสิ้นพระชนม์ลง เช่นนั้นท่านอ๋องหรงก็คงหนีไม่พ้นจากความผิด

ต่อให้ฝ่าบาทคิดอยากปกป้องท่านอ๋องหรงอย่างไร ก็ไม่อาจต้านทานต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปได้ และสุดท้าย......

ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่ท่านอ๋องหรงมีอยู่ในตอนนี้ จะถูกฝ่าบาทปลดและเรียกกลับทั้งหมด

ทว่า ก็ไม่อาจปล่อยให้ไป๋ชิงหลิงเข้าไปทำการรักษาอาการประชวรของไทเฮาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

"ฝ่าบาทเพคะ หมอหลวงฮั่วเป็นหมอหลวงที่อาวุโสและมีความสามารถมากที่สุดในสำนักหมอหลวง ฝ่าบาทอย่าได้เชื่อคำพูดของปีศาจหญิงคนนี้นะเพคะ นางอายุเพียงน้อยนิด หม่อมฉันไม่เชื่อเด็ดขาดว่านางจะเก่งกาจถึงเพียงนั้น และตอนนี้อาการของไทเฮาก็เป็นเช่นนี้ ยังถือว่าพอมีโอกาสรักษาให้หายได้ แต่หากให้นางรักษาอาการประชวรของไทเฮาและเกิดอะไรขึ้น......หม่อมฉันได้ตระหนักคิดแทนฝ่าบาทนะเพคะ ฝ่าบาทได้โปรดไตร่ตรองเพคะ......"

พระสนมเอกหรงคุกเข่าลงและคลานเข่าไปหน้าจักรพรรดิเหยา และจับไปยังฉลองพระองค์ของจักรพรรดิเหยา แต่ละคำพูดของนางนั้นทิ่มแทงเข้าไปในใจของจักรพรรดิเหยา

คงไม่มีใครที่รู้ใจพระองค์มากเกินไปกว่าพระสนมเอกหรงแล้ว......

ไป๋ชิงหลิงรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นในใจ

พระสนมเอกหรงคิดอยากใช้เรื่องนี้ตอบโต้นางกลับ และต้องการให้นางต้องจบชีวิตลงที่ตำหนักฮุ่ยหนิงอย่างนั้นหรือ!

แถมยังกล่าวอย่างทรงเกียรติสง่างาม

"หากฝ่าบาทเห็นสิ่งของในมือของข้าน้อยแล้วและยังคงไม่เชื่อมั่น ข้าน้อยจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอาการประชวรของไทเฮา และความเป็นความตายของไทเฮาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับข้าน้อยเพคะ" นางยืดอกตรงด้วยสีหน้าจริงจัง ซึ่งดูไม่ออกเลยว่านางคือประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่งที่ต่ำต้อยกว่าอำนาจของจักรพรรดิ......

ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

ผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าหาญเหลือเกิน ที่กล้าพูดเช่นนั้นกับองค์จักรพรรดิ

จักรพรรดิเหยาก็พอจะดูออกว่านางค่อนข้างบ้าบิ่น

"เจ้าไม่กลัวตายอย่างนั้นหรือ?" น้ำเสียงของจักรพรรดิเหยาตรัสถามออกมาอย่างเย็นชาเล็กน้อย

ไป๋ชิงหลิงกล่าว "กลัวเพคะ ในฐานะที่ข้าน้อยเป็นแม่ ข้าน้อยกลัวตายมากกว่าใครอื่นเพคะ"

จักรพรรดิเหยาหรี่ตาลง แววตาที่แหลมคมจ้องมองไปยังไป๋ชิงหลิง เพื่อหวังจะอ่านใจของผู้หญิงคนนี้ให้ออก ทว่ากลับค้นพบว่า......แววตาของผู้หญิงคนนี้เยือกเย็นราวกับธารน้ำแข็ง!

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้จักรพรรดิเหยาเกิดความสงสัยว่านางจะหยิบของอะไรออกมา เพื่อให้เขาเองยอมเชื่อใจนาง

"ออกไปให้หมด" จักรพรรดิเหยารับสั่งออกไป

สีหน้าของหมอหลวงฮั่วแย่ลงและเงยหน้าขึ้นเหลือบมองจักรพรรดิเหยา จากนั้นจึงไม่กล้าพูดอะไรอีกและถอยออกไป

พระสนมเอกหรงกลับไม่ลุกขึ้น นางยังคงจับฉลองพระองค์ของจักรพรรดิเหยาเอาไว้แน่น "ฝ่าบาทเพคะ ไทเฮาทรงมีพระชันษามากแล้ว ไม่อาจทนรับต่อการกระทำของปีศาจหญิงคนนั้นได้ หม่อมฉันยอมเฝ้าดูแลและป้อนพระโอสถให้ไทเฮาทุกวันโดยไม่ไปไหนเพคะ......"

"พระโอสถที่ให้ไทเฮาเสวยเข้าไปก็ได้อาเจียนออกมาหมดแล้ว เช่นนั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตอนนี้ไทเฮายังไม่สามารถเสวยอะไรได้" ไป๋ชิงหลิงตอบอย่างตรงไปตรงมา

พระสนมเอกหรงหันไปหานาง "เจ้า......"

"พระสนมเอกหรง ออกไปเดี๋ยวนี้" จักรพรรดิเหยากล่าวตำหนิ

ร่างกายของพระสนมเอกหรงสั่นสะท้านเล็กน้อย

แม่นมกวนที่อยู่ข้างหลังรีบเดินมาข้างหน้าเพื่อประคองพระสนมเอกหรงลุกขึ้น

ไม่นานผู้คนที่อยู่ภายในตำหนักก็ต่างพากันออกไปจนหมด แต่หรงเยี่ยกลับไม่ออกไปไหน

ไป๋ชิงหลิงขยิบตาให้เขา และไม่ได้ต้องการให้เขาออกไป

เพราะถึงอย่างไร เขาก็เป็นคนที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของนาง

"เอาออกมาได้แล้ว" จักรพรรดิเหยายังคงขมวดคิ้ว

ไป๋ชิงหลิงโค้งตัวลงเล็กน้อยและกล่าวว่า "ในช่วงนี้ฝ่าบาททรงมีอาการบรรทมยากและฝันบ่อยครั้ง หรืออาการปวดหลังปวดเข่าบ้างหรือไม่เพคะ!"

จักรพรรดิเหยารู้สึกตกใจอยู่ครู่หนึ่งและมองไปยังไป๋ชิงหลิงด้วยความประหลาดใจ

ช่วงนี้เขามีอาการนอนหลับยากและมักฝัน อีกทั้งร่างกายยังมีอาการปวดหลังปวดเข่าเกิดขึ้นจริง

เขาคิดว่าเป็นเพราะช่วงนี้เขาทำงานหนัก และรวมถึงอาการเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเขา จึงไม่ได้เรียกหมอหลวงเข้ามาดูอาการ

แต่ทว่า นางรู้ได้อย่างไร

นางไม่เคยได้ตรวจจับชีพจรของเขาเลยสักครั้ง

"มีหมอนรองอยู่ที่บริเวณแผ่นหลังของฝ่าบาท และมักเอาพระหัตถ์จับนวดที่เข่าอยู่บ่อยครั้ง นัยน์ตาเป็นสีม่วงเข้ม ซึ่งเป็นสัญญาณของการนอนไม่หลับ ข้าน้อยเพิ่งจะเข้ามาไม่นาน แต่ฝ่าบาทได้ดื่มชาไปแล้วห้าถ้วย ฝ่าบาทยังมีอาการคอแห้งด้วยใช่หรือไม่เพคะ......"

พระพักตร์ที่ตึงเครียดของจักรพรรดิเหยากระตุกเล็กน้อย "เจ้าเป็นใครกันแน่?"

"ข้าน้อยมาจากหุบเขาเซียนไหลแห่งเมืองเยี่ยนหนานเพคะ!"

"หุบเขาเซียนไหล......" จักรพรรดิเหยารู้สึกคุ้นกับชื่อนี้ และผ่านไปครู่หนึ่งพระองค์ก็ตรัสขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างประหลาดใจ "เจ้าคือหมอเทวดาที่ช่วยชีวิตคนอื่นโดยการผ่าท้องเพื่อเอาเด็กออกมา!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น