นางคว้ามือของไป๋ชิงหลิงด้วยความตื่นเต้น มองเธอแล้วพูดว่า “พระชายาท่านอ๋องหรง ทำให้ท่านต้องลำบากแล้ว!”
แม้ว่านางจะป่วยหนักมาก แต่ก็เข้าใจความคิดขององค์หญิงใหญ่ ก่อนหน้านี้ที่พวกนางทิ้งยา แต่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆพระชายาท่านอ๋องหรงก็มา
ไม่ว่าอย่างไร นางรู้สึกขอบคุณไป๋ชิงหลิงมากที่ช่วยชีวิตนางไว้
นางให้ความสำคัญเธอเหมือนพ่อแม่ที่ให้ชีวิตใหม่กับนาง
ไป๋ชิงหลิงหัวเราะเบาๆ “องค์หญิงอย่าคิดมาก ข้าเป็นหมอหญิง รักษาผู้ป่วยเป็นหน้าที่ของข้า ท่านไม่ต้องรู้สึกมีภาระใดๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องการเตือนท่าน”
“ท่านพูดมา!”
“ห้ามหยุดยาอีก” ไป๋ชิงหลิงพูดกับนางอย่างจริงจัง
อิงหมิงหยางพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ข้า........จะดูแลยาให้ดู จะไม่ทำมันหายอีก!”
“แต่ว่า ข้าจะคอยอยู่เคียงข้างท่าน จนกว่าอาการของท่านจะดีขึ้น อาการป่วยขององค์หญิง ต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อยครึ่งปี หลังจากครึ่งปีก็ต้องดูอาการอีกที ไป๋ชิงหลิงดึงผ้าห่มให้นาง ในระหว่างนี้ องค์หญิงต้องให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ อย่าให้วิญญาณชั่วร้ายเข้าร่าง ติดโรคหรือเป็นหวัดกะทันหัน อาหารการกินข้าก็จะควบคุมให้ท่าน ขอเพียงรักษาตัวและพักฟื้นให้ดี องค์หญิงจะหายจากโรคนี้อย่างแน่นอน”
ที่เธอพูดเช่นนี้ เพื่อให้อิงหมิงหยางมีความหวังในการมีชีวิตอยู่ต่อไป
ตราบใดที่ผู้ป่วยยังมีความรู้สึกอยากรอด โรคก็จะหายเร็วขึ้น
เมื่ออิงหมิงหยางได้ยินคำพูดเหล่านี้ นางก็รู้สึกสดใสขึ้นมาก
ทั้งสองคุยกันไม่นาน ซูเหมยก็เอายาต้มมาให้ และป้อนให้อิงหมิงหยาง
ไป๋ชิงหลิงไปที่รถม้าอีกคัน และพักผ่อน
เพียงแต่ตอนที่เธอนอนหลับสะลึมสะลือ ก็รู้สึกว่ามีคนกำลังกอดเธอ เธอจึงหันไปมองอย่างไวต่อความรู้สึก ก็เห็นหรงเยี่ยนอนอยู่ข้างๆเธอ
และบนร่างกายของเธอก็ห่มด้วยเสื้อคลุมหนาของเขา ความอุ่นก็ไหลเข้าสู้หัวใจของเธอ เธอมุดเข้าอ้อมแขนของเขาโดยไม่รู้ตัว ซุกหน้าไว้ในอ้อมแขนของเขา ถูไถไปมา!
“ท่านมาได้อย่างไร?”
“อยากมาดูว่าพวกเจ้าไปหรือยัง ลองเสี่ยงโชคดู!” หรงเยี่ยพูด “นอนอยู่ในป่า หนาวไหม?”
เขากอดเธอไว้แน่น รู้สึกว่าร่างกายเธอหนาวเหน็บมาก มันคงจะหนาวมาก
ไป๋ชิงหลิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ท่านมาแล้ว ไม่หนาวแล้ว อบอุ่นมาก”
“วันนี้จิ่งหลินถามว่าเจ้าไปไหน เซิงเอ๋อร์ก็ลงจากเตียงตามหาเจ้า แต่ว่า ข้าบอกว่าเจ้ากลับเมืองหลวงเพื่อไปดูเสด็จย่าก่อน พวกเขาก็ไม่งอแงตามหาแม่แล้ว” หรงเยี่ยรายงานสถานการณ์ของเด็กทั้งสองให้เธอฟัง เขารู้ดี ว่าเธอคงจะคิดถึงจิ่งหลินและเซิงเอ๋อร์มาก รวมถึงความปลอดภัยของทั้งสอง “ตอนที่ข้าจากมา ให้องครักษ์เหยี่ยวดำห้าคนคอยเฝ้าดูที่ห้องของทั้งสอง ปลอดภัยมาก”
เมื่อไป๋ชิงหลิงได้ยินสิ่งนี้ เธอก็หัวเราะเบาๆ “ตอนนี้ข้าทำให้ท่านมีแรงกดดันทางจิตใจมากใช่ไหม”
เนื่องจากจิ่งหลินเคยถูกสลับตัว เธอจึงนอนหลับไม่ค่อยสนิทเสมอมา แม้ว่าจะนอนหลับแล้ว เธอก็จะถูกฝันร้ายทำให้ตื่น
หรงเยี่ยไม่ได้พูดอะไร สิ่งแรกที่เขาทำคือปลอบเธอ
แต่เธอไม่เคยถามเขามาก่อน ว่าท่านกลัวไหม?
หรือว่า ท่านเคยกลัวไหม?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...