อิงหมิงหยางไม่คิดว่าเธอจะถามคำถามนี้ เมื่อนางนึกถึงตอนที่เริ่มป่วย อารมณ์ของอิงหมิงหยางก็ถูกดึงลงสู่จุดต่ำสุด
หลังจากที่ทุกคนในจวนตระกูลอิงรู้ว่านางเป็นวัณโรค ต่างก็ตีตัวออกห่าง ขังนางไว้ที่ลานบ้าน ไม่อนุญาตให้นางออกมา
อาหารวันละสามมื้อจะถูกจัดส่งโดยคนที่ระบุตัวเท่านั้น สถานที่ที่นางสามารถเดินไปรอบๆได้ก็คือลานบ้าน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ดวงตาของอิงหมิงหยางก็ค่อยๆแดงก่ำ
ไป๋ชิงหลิงสังเกตเห็นอาการผิดปกติของอิงหมิงหยาง เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ถ้าลำบากใจนัก องค์หญิงก็ไม่ต้องฝืนใจตัวเอง เป็นโรคนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคของข้า ข้าก็แค่อยากรู้เท่านั้นเอง”
“ไม่!” อิงหมิงหยางเอื้อมมือไปจับมือของไป๋ชิงหลิง “ท่านเป็นหมอหญิงเพียงคนเดียว ที่ไม่รังเกียจข้าและกล้าเข้าใกล้ข้า ข้ารู้สึกซึ้งใจยิ่งนัก”
ไป๋ชิงหลิงวางมือบนหลังมือของอิงหมิงหยาง ตบเบาๆอย่างอ่อนโยนสองสามครั้ง และพูดว่า “เรื่องร้ายๆเหล่านั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ข้างกายท่านยังมีองค์หญิงใหญ่ที่รักท่าน”
เมื่ออิงหมิงหยางได้ยินสิ่งนี้ น้ำตาก็ไหลริน สะอื้นและพูดว่า “ข้าก็ไม่เคยคิดว่าเสด็จย่าจะรักข้ามากขนาดนี้ ข้าสามารถบอกท่านได้ว่าข้าเริ่มป่วยตั้งแต่เมื่อไหร่”
นางไม่อยากทำให้ไป๋ชิงหลิงผิดหวัง
แม้ว่าเรื่องที่จะพูดนั้นจะน่าอับอายแค่ไหน แต่นางก็ถือว่าเป็นคนที่เคยตายมาครั้งหนึ่งแล้ว และอีกอย่างนางเชื่อใจไป๋ชิงหลิง
นางจ้องมองไป๋ชิงหลิง อารมณ์ไม่ตื่นตระหนกเหมือนก่อน และพูดอย่างใจเย็นว่า “ข้าติดโรคนี้เมื่อต้นฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว ก่อนหน้านั้น ข้าได้รู้จักกับชายผู้มีความสามารถท่านหนึ่งที่การประชุมสมาคมกวีนิพนธ์ หลังจากกลับถึงจวนตระกูลอิง จึงให้คนไปสืบเกี่ยวกับชายคนนั้น จึงได้รู้ว่าเขาคือคนที่เคยหมั้นหมายกับข้าตั้งแต่เด็กชื่อฉางซิงเว่ย ตระกูลฉางเคยเป็นตระกูลทำการค้าที่ร่ำรวย ตระกูลฉางใช้เงินจำนวนมากเพื่อฝึกฝนทักษะต่างๆให้คุณชายฉางตั้งแต่เด็ก คุณชายฉางมีความสามารถมาก เขาสอบได้อันดับหนึ่งในการสอบราชการ แต่เนื่องจากพ่อของเขาเป็นข้าราชการอยู่นอกเมือง คุณชายฉางจึงอาศัยอยู่นอกมาเมืองตลอด การประชุมสมาคมกวีนิพนธ์ครั้งนั้น เขากลับมาฮูหยินอาวุโสที่เยี่ยมบ้านเกิด ข้ากับเขาต่างก็ถือว่าพบรักกันที่การประชุมสมาคมกวีนิพนธ์”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ อิงหมิงหยางก็หลับตาลง
น้ำตาหยดใหญ่ก็ไหลออกมาจากดวงตาของนาง
เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางก็ปรับอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว
“หลังการประชุมสมาคมกวีนิพนธ์ ฮูหยินอาวุโสของตระกูลข้าก็ไม่อนุญาตให้ข้าออกนอกบ้าน ข้าจึงทำได้เพียงเขียนจดหมายโต้ตอบกับคุณชายฉาง ไม่นานเขาก็รู้ว่าข้าคือว่าที่ภรรยาของเขา จึงมักขอให้เหลียนซาช่วยงแอบส่งสิ่งของเล็กๆน้อยๆให้ข้า หลังจากนั้นไม่ถึงสองเดือน ข้าก็ป่วยเป็นวัณโรค และคุณชายฉางเป็นคนภายนอกคนเดียวที่ข้าติดต่อด้วยก่อนที่ข้าจะล้มป่วย แต่ว่า........เขาไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายข้า หลังจากการประชุมสมาคมกวีนิพนธ์พวกเราก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย ต่อมาเขาได้ข่าวว่าข้าล้มป่วย ยังมาหาข้าถึงหน้าจวนตระกูลอิง บอกให้ข้ารักษาตัวและพักฟื้นอยู่ในจวน เขาจะรอข้า ดังนั้น ข้าจึงไม่เข้าใจ ว่าทำไมข้าถึงป่วยเป็นวัณโรค ทำไมสวรรค์ถึงทำกับข้าเช่นนี้ ไม่ยุติธรรม”
เมื่อพูดถึงฉางซิงเว่ย อิงหมิงหยางก็รู้สึกปวดใจมาก เนื่องจากป่วยเป็นโรคนี้ ทำให้ทั้งสองต้องเสียเวลานานมาก
ครั้งหนึ่งนางเคยเขียนจดหมายตัดขาดความสัมพันธ์ถึงฉางซิงเว่ย บอกเขาว่าไม่ต้องรอนางอีกต่อไป เพราะจะทำให้การแต่งงานของเขาล่าช้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...